ผู้แทนการค้าไทย ชัย วัชรงค์ กล่าวปาฐกถาพิธีเปิดการประชุมความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจกว่างซีจ้วง-ไทย 2025 เดินหน้าวางกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าการค้าไทย-จีน ผ่านประตูการค้ากว่างซีจ้วง พร้อมบุกตลาดตะวันตกของจีน ดันมูลค่าการค้าไทย-จีนเป็นสองเท่า ภายใน 10 ปี 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568) เวลา 15.30 น. ณ Guanghua Hall ชั้น 9 อาคาร Thai C.C. Tower กรุงเทพฯ นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย เข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุมความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกับประเทศไทย ประจำปี 2025 (2025 Guangxi-Thailand Economic and Trade Cooperation Exchange Salon) ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Strengthening Bilateral Collaboration in Cross-border Data, Digital Economy, AI, Agriculture, and more” โดยมีผู้แทนระดับสูงของไทยและรัฐบาลเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ตลอดจนผู้แทนจากบริษัทชั้นนำ สมาคมธุรกิจ บริษัทข้ามชาติ และผู้นำภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วม โดยสรุปสาระสำคัญของปาฐกถา ดังนี้
 
ผู้แทนการค้าไทยกล่าวยินดีต่อการจัดการประชุมในวันนี้ พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างไทยกับจีน ซึ่งมีมูลค่าเป็นอันดับ 1 ของไทย โดยการค้าระหว่างไทยกับจีน ปี 2567 มีมูลค่าถึง 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการนำเข้า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งออก 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลไทยเห็นศักยภาพและโอกาสในการเพิ่มพูนมูลค่าการส่งออกของไทยไปจีน ใน 5-10 ปีข้างหน้า ได้อีกหนึ่งเท่าตัว ผ่านการกำหนดกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม ประกอบกับรัฐบาลจีนได้ประกาศยุทธศาสตร์ใหญ่ในการพัฒนาการค้าของประเทศ ซึ่ง 1 ในยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การประกาศให้เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเป็นประตูทางการค้าระหว่างจีนกับอาเซียน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมความพร้อม
 
เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงถือว่ามีความเหมาะสมในการเป็นประตูทางการค้า โดยมีตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม เป็นมณฑลเดียวของจีนที่อยู่ใกล้และสามารถติดต่อกับไทยได้ทั้งทางบกและทางทะเล โดยในทางบก ไทยสามารถส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกผ่าน 3 ด่าน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.มุกดาหาร นครพนม และบึงกาฬ ซึ่งสามารถไปถึงด่านหลงปังที่เพิ่งเปิดใหม่ และมีศักยภาพสูงในการเชื่อมต่อไปยังกุ้ยโจว กุ้ยหยาง และต่อรถไฟความเร็วสูงไปเฉิงตู ขณะที่ในทางทะเล เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงมีท่าเรือซินโจว ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ เดินเรือระยะเวลาสั้นที่สุดเทียบกับท่าเรืออื่น ๆ ของจีนที่ไทยค้าขายด้วย โดยใช้ระยะเวลาเดินเรือจากแหลมฉบังไปซินโจวเพียง 3 วัน และที่ท่าเรือซินโจวมีทางรถไฟเชื่อมไปยังอีกกว่า 150 สถานี ใน 73 เมือง 18 มณฑล ทั่วประเทศจีน นอกจากนี้ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว จีนมีการริเริ่มโปรเจคขนาดใหญ่ในการขุดคลองขนส่งขนาดใหญ่ ระยะทางจากท่าเรือซินโจวไปแม่น้ำหยงเจียง เมืองหนานหนิง โดยโครงการมีกำหนดจะแล้วเสร็จปลายปี 2568 ซึ่งจะทำให้การขนส่งสะดวกมากยิ่งขึ้น
 
ผู้แทนการค้าไทยกล่าวว่า การเพิ่มการค้าไทยกับจีน รัฐบาลวางแนวทางดำเนินกลยุทธ์เปิดตลาดครั้งใหญ่ไปที่ภาคตะวันตกของจีน ทั้งหมด 10 มณฑล ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 272 ล้านคน โดยในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกผลไม้ไปจีนมูลค่าประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 220,000 ล้านบาท โดยเป็นทุเรียน มูลค่า 3,700 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ชาวจีนที่ได้บริโภคเป็นชาวจีนตามหัวเมืองใหญ่ตามชายฝั่งทะเล แต่ชาวจีนที่อยู่ในมณฑลทางตะวันตกยังไม่ค่อยมีโอกาสได้บริโภคผลไม้ไทย ดังนั้น ประตูทางการค้าที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง จะเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมในการพาผลไม้ไทยไปบุกตลาดทางตะวันตก และเปิดโอกาสให้พี่น้องชาวจีนได้ชิมผลไม้สุดยอดของไทย ซึ่งยอดการส่งออกทุเรียนเพียงอย่างเดียว สามารถคาดหวังได้ถึง 130,000 ล้านบาท
 
นอกจากนี้ ท่าเรือซินโจวเป็นท่าเรือที่เพิ่งบรรจุในพิธีสารว่าสามารถส่งออกโคเนื้อมีชีวิตได้เป็นท่าเรือเดียว ซึ่งไทยอยู่ระหว่างการปรับสายพันธุ์โคเนื้อให้เป็นโคพรีเมียม มาตรฐานการเลี้ยงสูง และไทยกำลังเจรจาอย่างเข้มข้นกับสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (General of Customs of the People's Republic of China) ในการวางมาตรการกักกัน ควบคุมโรคให้ปลอดภัย เพื่อส่งโคเนื้อมีชีวิตจากไทยเข้าจีนผ่านท่าเรือซินโจว
 
ในตอนท้าย ผู้แทนการค้าไทยกล่าวย้ำความเชื่อมั่นว่า วงหารือในวันนี้จะนำการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับจีนไปสู่ความรุ่งเรือง มั่งคั่ง ในอนาคตอันใกล้ โดยผู้แทนการค้าไทยหวังว่า ด้วยการขับเคลื่อนของประตูทางการค้าที่สุดยอดนี้ การค้าระหว่างไทยกับจีนไม่เกิน 10 ปี หลังจากนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือใกล้เคียง พร้อมเชิญชวนร่วมมุ่งหน้าสู่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง บุกตลาดตะวันตกของจีนไปด้วยกัน
 
ภายหลังเสร็จสิ้น ผู้แทนการค้าไทยร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจและความร่วมมือ 5 ฉบับ ได้แก่ 
1) ข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างศูนย์เศรษฐกิจและการค้าจีน-อาเซียน กับสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน
2) บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างศูนย์ส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศ เขตการค้าเสรีนำร่องกว่างซี กับบริษัท ไทย บิซ พาโนราม่า จำกัด
3) ข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างบริษัท จีน-อาเซียน อินฟอร์เมชั่น ฮาร์เบอร์ จำกัด กับบริษัท บางกอก เอไอ เซ็นเตอร์ จำกัด
4) ข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างบริษัท เอไอ พลัส โซลูชั่น จำกัด กับบริษัท อู่เซียง อินเวสต์เมนต์ โปรโมเตอร์ เซอร์วิส จำกัด ในเขตการค้าเสรีกว่างซีพื้นที่หนานหนิง
5) ความร่วมมือในการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างบริษัท กว่างซี อู่โถว อินเตอร์เนชั่นแนล เทรด จำกัด กับบริษัท ไทยแลนด์ มิงดา ฟู้ด จำกัด
 
อนึ่ง การประชุมความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกับประเทศไทย ประจำปี 2025 จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานพาณิชย์ เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน (Department of Commerce, Guangxi Zhuang Autonomous Region) และสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (Thai-Sino Association of Sciences and Technology: TSAST) เพื่อส่งเสริมการลงทุนและความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มพูนความร่วมมือด้านข้อมูลข้ามพรมแดนระหว่างไทยกับเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง รวมถึงเป็นเวทีสำคัญสำหรับภาคธุรกิจในการแลกเปลี่ยนและยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในหลากหลายมิติ