วันศุกร์ ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568 02:32 น.

การเมือง

วิเคราะห์หลักพุทธสันติวิธีสร้างสันติภาพชายแดนไทย-กัมพูชา

วันศุกร์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 20.35 น.

ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาเป็นปัญหาที่ดำรงอยู่ยาวนาน ทั้งในเชิงการเมือง ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน

การหาทางออกที่ยั่งยืนจึงจำเป็นต้องพิจารณาทั้งมิติของกฎหมายระหว่างประเทศ มิติการทูต และมิติทางสังคมวัฒนธรรม โดยเฉพาะการนำหลักพุทธสันติวิธี (Buddhist Peaceful Means) มาปรับใช้ เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

ในเวทีประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 6 ณ กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ดร.นิยม เวชกามา หรือ “ดร.มหานิยม” ได้เสนอแนวคิดการนำหลักพุทธศาสนามาใช้สร้างสันติภาพชายแดน พร้อมย้ำว่า “ทุกศาสนาล้วนสอนให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบ” ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในระดับนานาชาติที่มุ่งเน้นสันติวิธีและการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์

หลักพุทธสันติวิธีและการประยุกต์ใช้
1. หลักเมตตา (Mettā)

พุทธศาสนาเน้นการมองคู่ขัดแย้งด้วยความเมตตา ลดการมองศัตรูเป็น “อีกฝ่าย” แต่ถือว่าเป็น “เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก” การสร้างสันติภาพชายแดนจึงต้องอาศัยความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของชาวกัมพูชาและไทยที่อยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน
การประยุกต์ใช้:
จัดโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการศึกษา
ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจชายแดนที่ยึดหลัก win-win
ใช้การทูตภาคประชาชน (People-to-People Diplomacy) เพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงบวก

2. หลักอหิงสา (Ahimsa)
การไม่ใช้ความรุนแรงเป็นหัวใจของพุทธสันติวิธี การเผชิญหน้าระหว่างทหารหรือเจ้าหน้าที่รัฐควรหลีกเลี่ยงการปะทะทางกายภาพ และใช้กลไกเจรจาเป็นเครื่องมือหลัก
การประยุกต์ใช้:
ใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC, RBC) ในการหาทางออก
สร้างกลไกชุมชนชายแดนร่วมกันเพื่อลดความเข้าใจผิด
ยกเลิกการสื่อสารเชิงสร้างศัตรูในสื่อสาธารณะ

3. หลักปัญญา (Paññā)
การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนจำเป็นต้องอาศัยปัญญาในการมองอย่างรอบด้าน ไม่ยึดติดกับอำนาจหรือผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่คำนึงถึงประโยชน์ร่วมและความยั่งยืน
การประยุกต์ใช้:
วิเคราะห์ปัญหาชายแดนด้วยฐานข้อมูลทางประวัติศาสตร์และกฎหมายอย่างรอบด้าน
ส่งเสริมงานวิจัยร่วมไทย–กัมพูชา เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชายแดน
สร้างหลักสูตรสันติศึกษาในพื้นที่ชายแดนเพื่อปลูกฝังปัญญาแก่เยาวชน

มิติการสร้างสันติภาพชายแดน
การนำหลักพุทธสันติวิธีมาใช้ไม่ได้หมายถึงเพียงการแก้ไขข้อพิพาททางดินแดน แต่ยังรวมถึงการสร้าง “วัฒนธรรมสันติภาพ” (Culture of Peace) ที่ทำให้ประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดนอยู่ร่วมกันอย่างมั่นคงและเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน โดยมีแนวทางดังนี้
การทูตสันติภาพ: ใช้เวทีระหว่างประเทศและกลไกทวิภาคีเป็นช่องทางสื่อสารเชิงสร้างสรรค์
การทูตภาคประชาชน: ประชาชนชายแดนมีบทบาทเป็นผู้สื่อสารความปรารถนาดี ลดการสร้างภาพลบต่อกัน
การพัฒนาร่วม: การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และการค้าแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเป็นตัวเชื่อมสำคัญ
การใช้ศาสนาเป็นสะพาน: ทั้งไทยและกัมพูชามีพื้นฐานวัฒนธรรมพุทธที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งสามารถใช้เป็นรากฐานของการสร้างสันติภาพที่มีความเข้าใจร่วมกัน

ดังนั้น หลักพุทธสันติวิธีมิได้เป็นเพียงแนวทางเชิงศาสนา แต่เป็น “เครื่องมือทางสังคม–การเมือง” ที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาได้อย่างสร้างสรรค์ หากรัฐไทยและกัมพูชาสามารถบูรณาการเมตตา อหิงสา และปัญญาเข้ากับการทูตและการพัฒนาร่วม จะไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งเชิงพื้นที่ แต่ยังสร้างรากฐานสันติภาพที่มั่นคง ยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ
 

หน้าแรก » การเมือง