กมธ.กฏหมายฯลงพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เยี่ยมบ้านประชาชน ปั๊มน้ำมัน ที่ถูกระเบิด BM-21 ของกัมพูชา ผ่านมากว่า 1 เดือน เงินเยียวยายังล่าช้า เจ้าของปั๊มเผย ยังไม่ได้รับเงินสักบาท ขณะที่ร้านค้า ไม่เข้าเกณฑ์เยียวยา และกระทบต้องสูญเสียรายได้ ประธานกมธ.เผย จะเร่งติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วันที่ 1 ก.ย.68 คณะกรรมาธิการการกฏหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน นำโดยนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการ และคณะ ทั้งน.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.พรรคประชาชน นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.พรรคเพื่อไทย นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม รองประธานกรรมาธิการ นายวิทยา แก้วภราดัย สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ นายเกียรติคุณ ต้นยาง นายวีรวุธ รักเที่ยง น.ส.นิตยา มีศรี และนายคุณากร มั่นนทีรัย สส.พรรคประชาชน

จุดแรกคณะได้ลงพื้นที่บ้าน นายนารี ผาแก้ว บ้านน้ำเย็น ต.เมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้รับความเสียหายจากระเบิด BM-21 ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 ได้รับความเสียหายทั้งหลัง โดยมีนายสุริยา บุตรจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ จ่าเอกสมควร สิงห์คำ นายอำเภอกันทรลักษ์ และนายทองสวย สายแก้ว ผู้ใหญ่บ้านน้ำเย็น รายงานความคืบหน้าในการเยียวยาช่วยเหลือ ซึ่งได้มีการรื้อบ้านที่เสียหายไปแล้ว ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง จะสร้างบ้านใหม่ งบประมาณ 1.5 ล้านบาท ส่วนเงินเยียวยาทางนายนารี เปิดเผยว่าทราบว่าจะได้รับเพียง 20,000 บาท ซึ่งผ่านมา 1 เดือน ยังไม่ได้รับเงิน จึงอยากให้ช่วยเร่งรัด รวมถึงการช่วยเหลือในด้านอื่นๆ เพราะบ้านเสียหาย รวมถึงร้านขายของชำเสียหาย ขาดรายได้ไปกว่า 1 เดือนแล้ว และหลังสร้างบ้านเสร็จต้องหาเงินลงทุนใหม่ด้วย

นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการเดินทางมารับฟังปัญหาและติดตามการให้เงินเยียวยา เพื่อจะได้ไปติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมทั้งให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบด้วย

จุดที่สอง คณะกรรมาธิการกฏหมายฯ เดินทางไปที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านผือ ที่ได้รับผลกระทบจากระเบิด BM-21 ของกัมพูชา มาตกที่ร้านสะดวกซื้อทำให้เกิดไฟไหม้ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บ 9 คน  นางกมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของปั๊มน้ำมัน ได้เริ่มรื้อร้านสะดวกซื้อ เพื่อเริ่มสร้างใหม่แล้ว หลังผ่านมากว่า 1 เดือน เพราะต้องเร่งฟื้นฟูให้กลับมาเปิดใหม่ คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน

นางกมลรัตน์ ร้องเรียนผ่านคณะกรรมาธิการว่า จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับเงินสักบาท เพราะเป็นเอกชน จึงไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐ จึงต้องรอเงินประกันจากประกันภัย โดยบริษัททิพยประกันภัย ช่วยเหลือมา 1 ล้านบาท แต่ไม่สามารถได้เงินประกันอื่นได้ เพราะเป็นภัยจากสงคราม ประเทศไทยไม่มีกรมธรรม์ชนิดนี้ รวมถึงทางกรุงเทพประกันภัย ก็กำลังหาแนวทางว่าจะมีประกันในส่วนใดได้บ้าง จึงอยากให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเหลือเวลาอีก 2 เดือน จะครบกำหนดที่ธนาคารไม่เก็บดอกเบี้ย 

นอกจากนี้ยังมีร้านค้าอื่นๆในปั๊มน้ำมัน มาร้องเรียนคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากไม่ได้เข้าหลักเกณฑ์เยียวยาจากรัฐ เพราะแม้ร้านค้าจะตั้งอยู่ข้างร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่เสียหาย จึงไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆเลย จึงอยากให้มีการชดเชยรายได้ด้วย