การเมือง
"ไอติม" ชวน" เพื่อไทย" เป็นฝ่ายค้านเพื่อผลประโยชน์ประชาชน แทนใช้นิติสงครามทำลายล้าง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผมเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะวิจารณ์การตัดสินใจของพรรคประชาชนเต็มที่ และพวกเราพรรคประชาชนก็ต้องพร้อมน้อมรับทุกความเห็นและทุกการตรวจสอบ แต่ผมเห็นว่าเหตุผลที่ สส. พรรคเพื่อไทยใช้ในการยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าการทำข้อตกลง MOA ของพรรคประชาชน เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองนั้น มีความย้อนแย้งและไม่ส่งผลดีต่อความเข้มแข็งของประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยต้องการยึดมั่น
นายพริษฐ์ ระบุต่อว่า 1. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการทำข้อตกลงตาม “เงื่อนไข 3 ข้อหลัก” ของพรรคประชาชน ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนที่พรรคประชาชนจะตัดสินใจว่าจะทำข้อตกลงกับพรรคใด พรรคเพื่อไทยเองเป็นฝ่ายที่ประกาศว่ายอมรับทุกเงื่อนไขของพรรคประชาชนหลังจากได้มีการหารือกันถึงรายละเอียดที่สำนักงานพรรคประชาชน ยังไม่นับถึงความพยายามของพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านั้นที่ได้พยายามประกาศเงื่อนไขหรือข้อเสนอเพิ่มเติมจาก 3 ข้อเสนอหลักของพรรคประชาชน
นายพริษฐ์ ระบุต่อว่า 2. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย แต่นอกเหนือจากการมีอยู่ของรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และเคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยที่มาพูดคุยกับผู้บริหารพรรคประชาชน ก็เข้าใจและยอมรับเองตั้งแต่วันนั้น ว่าพร้อมจะคงสถานะความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในห้วงเวลาก่อนยุบสภา หากมีการทำข้อตกลง MOA กับพรรคประชาชน
3. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการ “ยุบสภาภายใน 4 เดือน” ก่อนจะหมดวาระในเดือน พ.ค. 2570 อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่พรรคเพื่อไทยเองกลับเป็นฝ่ายที่ยืนยันว่าพร้อมยุบสภาภายใน 4 เดือน ตอนพยายามโน้มน้าวให้พรรคประชาชนทำข้อตกลง MOA ร่วมกับเพื่อไทย รวมถึงยังได้ยื่นข้อเสนอพิเศษหลังจากที่พรรคประชาชนได้ลงนามข้อตกลง MOA ไปแล้ว ว่าพร้อม “ยุบสภาทันที” – หากพรรคเพื่อไทยยังยืนยันว่าจะใช้เหตุผลนี้ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แล้วเราจะตีความคำสัญญาที่ผ่านมาเรื่องการยุบสภากันอย่างไร?
นายพริษฐ์ ระบุต่อว่า 4. พรรคเพื่อไทยบอกว่าการทำ “ข้อตกลง MOA” ต่างๆระหว่างพรรคการเมือง อาจขัดรัฐธรรมนูญหรือเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง ทั้งที่ข้อตกลงนั้นล้วนถูกทำอย่างเปิดเผยและเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสาธารณะ – หากพรรคเพื่อไทยเชื่อแบบที่ยื่นคำร้องจริง ก็เท่ากับเป็นความพยายามสร้างบรรทัดฐานให้พรรคการเมืองหลีกเลี่ยงการทำสัญญาประชาคมต่อหน้าประชาชนเกี่ยวกับจุดยืนหรือนโยบายสาธารณะ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อแนวทางการทำการเมืองที่โปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วมที่ทุกฝ่ายน่าจะอยากเห็น
นายพริษฐ์ ระบุต่อไปว่า ผมสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของพรรคเพื่อไทยต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชน และผมยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเองเป็นฝ่ายที่โดนผลกระทบมาก่อนหน้านี้จากกลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ผมเห็นว่าหากเราต้องการให้รัฐบาลภูมิใจไทยไม่เบี้ยวต่อข้อตกลงเรื่องยุบสภาและการปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และไม่กระทำการใดๆ อันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมในช่วง 4 เดือนข้างหน้านี้ การทำงานหนักร่วมกันของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้าน จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตประเทศ กว่าการหักหาญหรือทำลายล้างกันด้วยกลไกนิติสงคราม
นายพริษฐ์ ระบุต่อไปว่า แน่นอนว่าผมเคารพสิทธิของพรรคเพื่อไทยในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเป็นเอกเทศโดยไม่ร่วมมือกับพรรคประชาชน (ผมเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันมาตลอดว่าในระบบรัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้จำเป็นต้องร่วมมือกัน เหมือนกับพรรคร่วมรัฐบาล) แต่ผมเห็นว่าด้วยคณิตศาสตร์การเมืองในระบบรัฐสภา การร่วมมือกันในประเด็นที่เห็นตรงกัน จะทำให้ฝ่ายค้านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เพราะจะมีเสียง สส. ของ 2 พรรครวมกัน เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แม้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ต่างมี สส. ของตนเอง เพียงพอในการ “เปิด” อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากต้องการจะ “ล้ม” รัฐบาลได้ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจในกรณีที่มีการเบี้ยวสัญญาหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ความร่วมมือของ 2 พรรคมีส่วนสำคัญต่อการมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร
นายพริษฐ์ ระบุต่อไปว่า แม้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ต่างมีร่างกฎหมายของตนเองที่อยากผลักดันในสภา แต่หาก 2 พรรคพูดคุยและตกลงกัน กฎหมายทุกฉบับที่ 2 พรรคเห็นตรงกันว่าควรผลักดัน ก็สามารถผ่านความเห็นชอบของสภาไปได้ ในขณะที่กฎหมายทุกฉบับของรัฐบาลภูมิใจไทยที่ 2 พรรคเห็นตรงกันว่าไม่ควรให้ผ่าน ก็ไม่มีทางผ่านความเห็นชอบของสภาไปได้ แม้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน อาจมีมุมมองที่ต่างกันต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชนที่ผ่านมา แต่หากทั้ง 2 พรรคร่วมกันคงความเป็นเอกภาพของ สส. ภายในพรรคตนเองได้สำเร็จ สถานะของรัฐบาลใหม่ จะเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ต่อไป และฝ่ายค้านจะทำงานได้ต่อไปในฐานะเสียงข้างมากในสภา
นายพริษฐ์ ระบุต่อไปว่า ผมเห็นว่าการเมืองไทยควรมุ่งสู่การติดตามการรักษาสัญญา การตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าในสภาให้เกิดผลแท้จริง แทนที่จะปล่อยให้การต่อสู้ทางการเมืองถูกลดทอนให้เหลือเพียงนิติสงครามเพื่อทำลายล้างกัน อันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- "ทักษิณ" มาตามนัด! ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 9 ก.ย. 2568
- "ทักษิณ" ไม่รอด! ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้จำคุก 1 ปี ชี้การบังคับโทษมิชอบ ให้ส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษทันที 9 ก.ย. 2568
- “วราวุธ” เปิดงานประเพณีทิ้งกระจาดจังหวัดสุพรรณบุรี ประจำปี 2568 งานประจำปีสืบทอดยาวนาน 145 ปี เผย ยื่นใบลาประชุม ครม.ถูกต้อง 9 ก.ย. 2568
- "แพทองธาร" เผยความรู้สึกหลังศาลฯ สั่งบังคับโทษจำคุก "ทักษิณ" 1 ปี ชี้เป็นประวัติศาสตร์ที่อดีตนายกฯไทยคนแรกติดคุก 9 ก.ย. 2568
- ราชทัณฑ์ย้าย "ทักษิณ" เข้าคลองเปรม – เรือนจำความมั่นคงสูง อดีตนายกฯ ยิ้มทักทายสื่อ 9 ก.ย. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
"อนุทิน" คอนเฟิร์ม! โผ ครม. เสร็จ 100% – ยันรัฐบาลชุดนี้ของประชาชน 19:33 น.
- "อนุทิน" เปิดตัวทีมเศรษฐกิจป้ายแดง เคลียร์ชัด 3 เก้าอี้หลัก คลัง-กต.-พลังงาน 16:36 น.
- "อัครแสนคีรี" ปลื้ม สภาฯ ไฟเขียวรับร่าง พ.ร.บ.อสม. ลั่นเดินหน้ายกระดับ "หมอคนแรก" ให้มีสิทธิ สวัสดิการ และศักดิ์ศรี 16:21 น.
- คาดหวังนายกฯใหม่ "อนุทิน" เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะ "โครงการคนละครึ่ง" 16:19 น.
- “อรรถกร”ลุยพัฒนาแหล่งน้ำ จ.เลย เร่งรัดโครงการฝาย-อ่างเก็บน้ำ เพิ่มศักยภาพกักเก็บน้ำ 16:17 น.