วันศุกร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568 21:53 น.

การเมือง

"พริษฐ์" เผย 3 พรรคการเมืองจับมือ เดินหน้าร่าง รธน.ใหม่ ชงสภาแก้ม.256 ทำประชามติ 2 รอบ

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568, 17.40 น.

"พริษฐ์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เผย กมธ.พัฒนาการเมืองเห็นพ้อง 3 พรรคการเมืองหลัก เดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ผ่านกระบวนการทำประชามติ 2 รอบ 

วันที่ 11  กันยายน 2568 เวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ใน กมธ.ได้หารือกับ 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งตัวแทน กมธ.พัฒนาการเมือง วุฒิสภา และภาคประชาชน ซึ่งเป็นการหารือถึงแนวทางต่อไปในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา

นายพริษฐ์กล่าวว่า หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าคำวินิจฉัยของศาลธรรมนูญมีปัญหาจริงๆ ทำให้ในส่วนของกระบวนการการตอบคำถาม เนื้อหาของคำวินิจฉัยที่ดูเหมือนเป็นการปิดประตู ส.ส.ร.จากการเลือกตั้ง ซึ่งขัดหลักการประชาธิปไตย และขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยเมื่อปี 2564 ดังนั้น ในที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกัน 3 ข้อ ที่ทั้ง 3 พรรคเห็นตรงกัน

ข้อสรุปที่ 1 การทำประชามติทั้งหมด 2 รอบ เริ่มจะให้รัฐสภาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 คือกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาผ่าน 3 วาระแล้ว ก็จะจัดทำประชามติรอบแรก ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 คำถาม คือ

1.จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

2.เห็นด้วยกับร่างแก้ไขและมนูญหมวด 15/1 เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่รัฐสภาเห็นชอบหรือไม่

และเมื่อมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ก็จะมีการจัดทำประชามติรอบที่ 2 เพื่อถามว่าประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งก็จะสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

นายพริษฐ์กล่าวว่า ข้อสรุปที่ 2 เห็นว่ากระบวนการดังกล่าวสามารถเดินหน้าเพื่อให้มีการจัดทำประชามติรอบแรกให้ทันพร้อมกับการเลือกตั้ง ภายในกรอบเวลา MOA ที่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบาย หากแถลงนโยบายช่วงปลายเดือนกันยายน 2568 หมายความว่าต้องมีการยุบสภาภายในช่วงปลายเดือนมกราคม 2569 โดยเชื่อว่าภายในกรอบเวลา 4 เดือน MOA สามารถเดินหน้าจัดทำประชามติรอบแรกการเลือกตั้งได้

"ทุกพรรคเห็นตรงกันว่าสามารถเดินหน้ายื่นและพิจารณาร่างแก้ไขและรัฐธรรมนูญหมวด 15 ได้เลย หากผ่านวาระที่หนึ่งไป แล้วกรรมาธิการพิจารณาเสร็จ สามารถส่งกลับในวาระที่สองช่วงเดือนธันวาคม ก็ทำให้สามารถให้ความเห็นชอบในวาระที่สามได้ภายในเดือนธันวาคม 2568 ก็ยังมีเวลาในเดือนมกราคมที่ต้องเคาะเรื่องของวันการจัดทำประชามติ ซึ่งก็จะเกิดขึ้นกับการยุบสภา ไม่เกินช่วงปลายเดือนมกราคม 2569" นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์กล่าวว่า ข้อสรุปที่ 3 แต่ละพรรคจะหารือภายในเพื่อทบทวนจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชนมีส่วนร่วม โดยตั้งเป้าว่าภายในสัปดาห์หน้า ต้องการให้ทั้ง 3 พรรคการเมืองมานำเสนอแนวคิดร่างของตนเองต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ

เมื่อถามว่า ร่างของพรรคประชาชนจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ของเราเสร็จ และที่คุยจากตัวแทนพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าสามารถดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้าได้ ส่วนตัวแทนพรรคภูมิใจไทยออกจากห้องก่อนจะมีการสรุปประเด็นนี้ แต่มีการให้คำยืนยันว่าจะจัดทำโดยเร็ว จึงหวังว่าในสัปดาห์หน้าจะได้เห็นร่างหรือโมเดลของทั้งสามพรรค เพื่อได้ยื่นเข้าสู่ระเบียบวาระและเปิดพิจารณาในวาระที่ 1

เมื่อถามถึงเนื้อหาหลักของพรรคประชาชน นายพริษฐ์กล่าวว่า จะต้องมีการหารือกันภายใน ในช่วง 2-3 วันข้างหน้านี้ เนื่องจากเนื้อหาเดิมในร่างที่ค้างอยู่เป็นการให้เสนอ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง จำนวน 200 คน ซึ่ง 100 คนมาจากแบ่งเขตจังหวัด อีก 100 คนมาจากบัญชีรายชื่อระดับประเทศ เมื่อมีคำวินิจฉัยมาก็ต้องมีการทบทวนว่าการมี ส.ส.ร.โดยตรงจะไปต่อได้หรือไม่ หากขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องออกแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางตรง และยึดโยงกับประชาชนทางตรง ซึ่งมีหลายแนวคิดที่นำเสนอและสังคมอยู่ขณะนี้ จะเป็นขั้นตอนที่พักพูดคุยกันและสรุปเป็นข้อเสนอ

เมื่อถามว่า แนวทางของพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยใกล้กัน แต่ของพรรคภูมิใจไทยและฝั่ง ส.ว.ได้หารือหรือพูดคุยหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า 3 ข้อสรุปที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อสรุปของทั้ง 3 พรรคการเมืองในการเดินหน้าจัดทำฉบับใหม่ผ่านการทำประชามติ 2 รอบ และเห็นต้องกันว่าสามารถใช้กรอบเวลา 4 เดือนให้นำไปสู่การกระทำประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งได้

นายพริษฐ์กล่าวว่า ข้อสรุปที่สามทั้ง 3 พรรคการเมืองก็เห็นตรงกันว่าขณะนี้เป็นหน้าที่ของทั้งสามพรรคการเมืองไปเร่งจัดทำร่างหมวด 15/1 เพื่อมานำเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งวันนี้มีตัวแทนของ กมธ.พัฒนาการเมืองของวุฒิสภามาร่วมประชุมด้วย ซึ่งชี้ว่าเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองในการพูดคุยทำความเข้าใจและโน้มน้าวให้วุฒิสภาเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากจะผ่านความเห็นชอบไปได้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3

เมื่อถามว่า หากสัปดาห์หน้าภูมิใจไทยไม่พร้อม จะทำให้ไทม์ไลน์ถูกยื้อหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า หากวาระหนึ่งถูกเลื่อนออกไป ไม่ได้มีความหมายอะไร แต่ กมธ.จะได้เวลาน้อยลง เพื่อให้เวลา กมธ.คงเวลาไว้ที่ 2 เดือนเต็ม และมีการพูดคุยให้ตกผลึกก่อนเข้าวาระ 1

เมื่อถามว่า หากต้องรอคำวินิจฉัยฉบับเต็มจะทันหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ต้องขอเรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่ายิ่งประเด็นนี้มีความสำคัญ ยิ่งมีการถกเถียง หรือประเด็นมองว่าเป็นการตอบเกินคำถามนั้น อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งออกคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของทั้ง 9 คนมาโดยเร็ว ซึ่งมติคณะกรรมาธิการล่าสุดก็มีการทำหนังสือขอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวก การทางที่ดีที่สุดคือขอให้เปิดต่อสาธารณะโดยเร็ว

เมื่อถามว่า มีการหารือส่วนตัวกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า มีการพูดคุยกันทันที ตั้งแต่หลังมีคำวินิจฉัย ได้คุยกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยว่าตีความความไว้อย่างไร มองแนวทางเดินหน้าอย่างไร ซึ่งวันนี้จึงถือเป็นการได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการในที่ประชุม กมธ. ส่วนเป็นสัญญาใจใช่หรือไม่นั้น เป็นสัญญาประชาคมที่ถูกบันทึกไว้ในกรรมาธิการ

หน้าแรก » การเมือง