วันศุกร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568 05:52 น.

การเมือง

ไทย-กัมพูชา ประชุมชายแดน "คลองลึก-ปอยเปต" จ.สระแก้ว เสนอ 8 ข้อหาทางออกพื้นที่พิพาท

วันพุธ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568, 16.47 น.

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ย้ำคุมมวลชนห่างพื้นที่อ้างสิทธิ์ 500 เมตร – ไม่เพิ่มกำลังทหาร-อาวุธหนัก – ขู่หากไร้ข้อยุติเตรียมดำเนินการตามกฎหมาย 

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 10.30 น.  นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าร่วมประชุมบริหารจัดการสถานการณ์ ให้มีความสงบเรียบร้อย ในพื้นชายแดนไทยกัมพูชา กับฝ่ายกัมพูชา โดยมีนายอุม เรียไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย พร้อม พล.ต.เป็จวรรณา รองเจ้ากรมชายแดน กองบัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทย – กัมพูชา (หน.สน.ปกท.), พล.ต.ซุน มาว รอง ผบ./ผบ.ภท.5 สน.1 (จ.บันเตียเมียนเจย) และ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรปอยเปต – คลองลึก บ.กะบาลสะเปียนมวย แขวงโอวโจรว กรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย (ตรงข้าม จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว )

โดยการประชุมนี้ สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/68 เมื่อ 10 ก.ย 68 ระหว่าง ไทย - กัมพูชา ณ จ.เกาะกง โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ ผู้ว่าฯ สระแก้ว และ ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อย ซึ่งการประชุมดังกล่าว ฝ่ายไทยได้ยื่นข้อเสนอ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ฝ่ายไทย เสนอดังนี้ 1.ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกันที่จะบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยกำหนดให้มวลชนของทั้งสองประเทศ ถอยห่างออกจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้ามไม่น้อยกว่า 500 เมตร

2.ทั้งสองฝ่าย จะไม่มีการปลุกระดมมวลชน พร้อมทั้งควบคุมมวลชนของประเทศตน ให้อยู่ห่างจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้าม ไม่น้อยกว่า 500 เมตร

3.ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกัน ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิประเทศ ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศในทุกกรณี ในกรณีที่มีการดำเนินการไปแล้ว ให้ปรับคืนสู่สภาพเดิมภายใน 1 วันหลังการประชุม

4.ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกัน ที่จะไม่มีการเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนัก ในพื้นที่ชายแดนทั้งสองจังหวัด

5.จังหวัดสระแก้ว ขอสงวนสิทธิ์ในการออกเอกสารสิทธิ์ ในที่ดินทำกินของคนไทย ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศ

6.ประชาชนของทั้งสองประเทศ สามารถเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตอธิปไตยของตน นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ได้ โดยห้ามประชาชน ทหาร หรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าทำการขัดขวางการทำประโยชน์ดังกล่าว ทั้งนี้ หากเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ของประเทศใด ให้เป็นหน้าที่ของประเทศนั้นต้องดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยเร็ว

7.หากไทยและกัมพูชา ไม่สามารถหาข้อตกลงได้ ภายใต้กลไกการหารือของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) สมัยพิเศษ ครั้งต่อไป ทางจังหวัดสระแก้ว จะมีหนังสือแจ้ง จังหวัดบันเตียเมียนเจย ให้ราษฎรที่อยู่นอกเส้นอ้างสิทธิ ที่รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยไทย ให้ย้ายออกจากพื้นที่พร้อมทรัพย์สิน และสังหาริมทรัพย์ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่จังหวัดสระแก้วมีหนังสือแจ้ง หากไม่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว จังหวัดสระแก้วจะดำเนินการตามชั้นตอนกฎหมาย ของราชอาณาจักรไทยต่อไป ตามที่ได้แจ้งให้ทราบแล้ว

8.ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกันที่จะจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ ร่วมกันระหว่างสองประเทศ เพื่อมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาทุกประเด็นด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการปะทะ

ขณะที่ ฝ่ายกัมพูชา ได้ยื่นข้อเสนอ คือ

1.ให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามผลการประชุม ที่ กลุ่มกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย ผลการประชุม RBC และผลการประชุม GBC

2.ทั้งสองฝ่าย ปฏิบัติตามข้อตกลง MOU 43 และ TOR 2003

3.หลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่มีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยทั้งสองฝ่ายรอปฏิบัติตามผลการประชุม JBC

4.ทั้ง 2 จังหวัดดำเนินการตามผลการประชุม GBC

สำหรับข้อเสนอของฝ่ายไทยทั้ง 8 ข้อทาง ฝ่ายกัมพูชายังไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้ในขณะนี้ โดยฝ่ายกัมพูชาจะนำข้อเสนอของฝ่ายไทย กลับไปให้หน่วยเหนือของตนพิจารณา และจะแจ้งให้จังหวัดสระแก้วรับทราบต่อไป

ทั้งนี้ ถ้าหากว่าทางจังหวัดบันเตียเมียนเจย ไม่รับข้อเสนอข้อใดข้อหนึ่งของฝ่ายไทย จังหวัดสระแก้ว ยังคงสงวนและจะดำเนินการต่อไปในเขตอธิปไตย และราชอาณาจักรไทย
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง