เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีพิพาทที่ดิน เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าการดำเนินการหยุดชะงักหลังเปลี่ยนรัฐบาล โดยยืนยันว่า หากตนในฐานะนายกฯ เข้ารับตำแหน่งรมว.มหาดไทย จะติดตามสอบถามอย่างจริงจัง และเคยทำหนังสือสั่งการให้ยึดตามกฎหมายมาโดยตลอด

นายอนุทินชี้แจงว่า การมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่บุรีรัมย์ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นผลจากรัฐธรรมนูญปี 2558–2559 ที่กำหนดให้หัวหน้าพรรคการเมืองต้องมีภูมิลำเนาในพื้นที่ แม้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ตาม พร้อมย้ำว่า “สิ่งที่ถูกต้องต้องเป็นไปตามกฎหมาย สิ่งที่ผิดต้องดำเนินการทันที ผมไม่เอาเปรียบประชาชนแน่นอน”

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ว่า ปมเขากระโดงเป็นที่ดินพระราชทานที่ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะได้ กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่างยืนยันผ่านการรังวัดแล้วว่าเป็นที่ของรัฐ แม้จะมีรายละเอียดผิดพลาดเล็กน้อยในพื้นที่โดยรอบ แต่ใจกลางคือที่ดินพิพาทกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

นายภูมิธรรมตั้งข้อสังเกตว่า การที่กรมที่ดินประกาศยุติการเพิกถอนที่ดิน สวนทางกับคำตัดสินของศาล จึง “พลิกไม่ได้” พร้อมฝากคำถามถึงพรรคประชาชน ซึ่งเลือกจับมือกับพรรคภูมิใจไทยในการตั้งรัฐบาล แต่กลับไม่ผลักดันประเด็นนี้ ทั้งที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนกว่า 80–90% ต้องการให้คืนที่ดินเขากระโดงให้รัฐ

นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังวิจารณ์ว่าพรรคภูมิใจไทย 4 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่แสดงภาพชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียงการจัดการปัญหาที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเอง พร้อมตั้งคำถามเชิงการเมืองว่า “พรรคประชาชนมีใจผูกพันกับภูมิใจไทยมากขนาดนี้เพราะเหตุใด หรือมีสิ่งตอบแทนบางอย่างหรือไม่”

ทั้งนี้ ปัญหาที่ดินเขากระโดงยังคงเป็นประเด็นร้อนในทางการเมืองและกฎหมาย ขณะที่นายอนุทินยืนยันความบริสุทธิ์ใจและพร้อมให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย