เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แสดงความคิดเห็นถึงคดีฮั้ว ส.ว. และคดีที่ดินเขากระโดง โดยระบุว่าหากมีความผิดจริง เหตุใดรัฐบาลเพื่อไทยไม่สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการฟ้องร้อง

นายภูมิธรรมชี้แจงว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ทั้งที่ขั้นตอนต้องเริ่มจากกรมที่ดิน ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งและเป็นผู้เริ่มขับเคลื่อนเรื่องนี้ การกล่าวหาว่าเพื่อไทยเพิกเฉยจึงไม่ถูกต้อง

“สิ่งที่นายธนาธรพูด ทำให้ผมอึ้ง และเชื่อว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยก็อึ้งเช่นกัน เพราะไม่น่าจะออกมาจากปากผู้นำจิตวิญญาณของพรรคประชาชน (ปชน.) ผมไม่ขออธิบายอะไรมาก อยากให้ไปถามประชาชนเองว่ารู้สึกอย่างไร” นายภูมิธรรมกล่าว

พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า นายธนาธรควรกลับไปทบทวนคำพูดของตนเอง ว่าพูดเพราะเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ หรือมีเหตุผลอื่น เพราะในที่สุดแล้ว “ใครทำอะไรไว้ ประชาชนก็จะจดจำ”

นายภูมิธรรม กล่าวถึงระยะเวลา 4 เดือน ในการเตรียมการเลือกตั้ง จะเพียงพอหรือไม่ ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ว่า อยู่ที่ความเป็นจริง ความเป็นจริงเป็นอย่างไร ทุกพรรคก็ต้องยอมรับตามนั้น มี 4 เดือน เราก็ 4 เดือน มีมากกว่านั้น เราก็มากกว่านั้น แต่ไม่ใช่ประเด็น เราพร้อมที่จะทำงานเต็มที่ อยู่ที่คนเป็นรัฐบาลประกาศอะไรไว้กับประชาชน ที่บอกพูดแล้วทำ ก็คงต้องทำ และได้ยินว่าจะทำเร็วขึ้น

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า เราเป็นพรรคการเมือง ที่อาสามาเป็นรัฐบาล เมื่อมีโอกาสก็ต้องทำงานเต็มที่ ให้นโยบายเต็มที่ เสนอประชาชน เพื่อให้รับรู้ และเข้ามาทำงาน แต่รู้สึกเสียดายที่พรรคประชาชน เนื่องจากเขาอยากเป็นรัฐบาล อยากจะได้แสดงฝีมือ เพราะถูกกล่าวหามาตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งที่เขามีโอกาสเป็นรัฐบาล อยากจะเป็นกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย หรือ กระทรวงการคลังก็ได้ เห็นพูด และอภิปรายไว้เยอะ แต่ทำไมเมื่อมีโอกาสแล้ว ถึงไม่ทำ นี่เป็นปัญหาที่เสียดายมาก และไม่รู้ว่าคิดอะไร ไม่รู้ว่าโอกาสข้างหน้าจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ แต่ถ้ามีโอกาสแล้วทำไมไม่ทำ ทั้งที่เป็นเสียงข้างมากของรัฐบาลชุดนี้ ถ้าจะเป็นอย่างน้อย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล จะได้แสดงฝีมือเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ก็จะสามารถเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ แต่ไม่เลือก และปล่อยให้หลุดมือไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้ต้องเป็นคำตอบให้คนเข้าใจ ว่า ในเมื่ออยากพิสูจน์ตัวเอง หรือ นำเสนอความเห็น ว่า ไม่เคยทำ อยากลองทำ เมื่อมีโอกาสทำ และทำได้ แต่ไม่ทำ จะไปหวังลม ๆ แล้ง ๆ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องช่วยกันคิด