“วราวุธ ศิลปอาชา” ชูนโยบาย “5×5 ฝ่าวิกฤติประชากร” แนะรัฐบาลอนุทินใช้ขับเคลื่อนแก้ปัญหาวิกฤติชาติรอบด้าน มั่นใจนโยบายพรรคชาติไทยพัฒนาช่วยนำพาคนไทยทุกกลุ่มมีศักดิ์ศรี มีความแข็งแกร่ง มีความผาสุกอย่างมั่นคงและยั่งยืน

 ที่รัฐสภา วันที่ 29 กันยายน 2568 ในการประชุมรัฐสภาวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาล ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายว่าขอนำเสนอนโยบายต่อรัฐบาล คือนโยบาย “5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร” โดยมีสาระสำคัญแนวคิดด้วยปัจจุบันไทยเผชิญปัญหาโครงสร้างประชากร ได้แก่ อัตราเกิดต่ำ ผู้สูงอายุมากขึ้น แรงงานน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สวัสดิการ และความยั่งยืนของระบบรัฐสวัสดิการ ซึ่งแนวคิดนโยบาย “5×5” หมายถึง 5 ยุทธศาสตร์หลัก แต่ละยุทธศาสตร์มี 5 มาตรการย่อย เพื่อ “ฝ่าวิกฤตประชากร” ไปด้วยกัน ซึ่งนโยบายนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายกระทรวง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษา กระทรวงเกษตร กระทรวงดีอี กระทรวงวัฒนธรรม ฯลฯ

สำหรับ 5 ยุทธศาสตร์หลัก คือ 1.เสริมพลังวัยแรงงานโดยสนับสนุนให้วัยทำงานมีบ้านเป็นของตนเอง สนับสนุนสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานและการเลี้ยงดูครอบครัว ปรับลดภาระค่าดำเนินชีวิตเพื่อให้คนรุ่นใหม่มีแรงจูงใจในการมีครอบครัวและมีลูก 2.เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน แม้อัตราเกิดจะต่ำ แต่ต้องดูแลคุณภาพให้ดีและขยายบริการดูแลเด็กเล็กเพื่อลดภาระผู้ปกครอง 3.สร้างพลังผู้สูงอายุ โดยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีบทบาทในสังคมทำงานได้เพื่อลดภาระต่อระบบสวัสดิการ พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานในชุมชนที่เอื้อต่อชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ 4.เพิ่มโอกาสและเสริมสร้างคุณค่าให้คนพิการ โดยเปลี่ยนแนวคิดว่าจากคนพิการผู้รับสวัสดิการเป็นคนพิการผู้มีศักยภาพ ส่งเสริมการจ้างงาน ฝึกอาชีพสำหรับคนพิการ พร้อมสร้างเครือข่ายกับภาคธุรกิจ 5.สร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว สร้างสภาพแวดล้อม สาธารณูปโภค บริการที่เอื้อต่อชีวิตครอบครัวให้มีความอบอุ่นอย่างมั่นคง

นอกจากยุทธศาสตร์หลักแล้วยังมี 9 พันธกิจสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนให้ 5×5 ไปสู่การปฏิบัติ เช่น ยกระดับการพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุ สร้างงานสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ สร้างหุ้นส่วนทางสังคมกับภาคเอกชน ท้องถิ่น องค์กรต่างประเทศ ฯลฯ พัฒนาบุคลากรเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกลุ่มเปราะบาง 

นายวราวุธ กล่าวถึงการเพิ่มรายได้ภาครัฐว่า จำเป็นต้อง “คิดใหม่ทำใหม่” โดยยกตัวอย่างการจัดเก็บภาษีจากการโฆษณาออนไลน์ เช่น YouTube ที่ปัจจุบันเก็บจากบริษัทตัวแทน แต่ไม่สะท้อนรายได้จริง พร้อมเสนอให้ปรับกฎหมายหรือออกประกาศกรมสรรพากร เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาต้องรายงานตรงต่อรัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ โดยย้ำว่ากรมสรรพากรต้องทำหน้าที่เป็น “มิตรต่อผู้เสียภาษี” ไม่ใช่เพียงตั้งเป้าเก็บภาษี

ในด้านสวัสดิการสุขภาพ นายวราวุธ ยอมรับว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นนโยบายที่สร้างความภาคภูมิใจ แต่ใช้งบประมาณจำนวนมากปีละหลายแสนล้านบาท รัฐควรหันมาส่งเสริมสุขภาพประชาชนให้แข็งแรงเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการรักษา พร้อมเสนอแนวคิด “สุขภาพดีมีรางวัล” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนใส่ใจสุขภาพและช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดิน สำหรับประเด็นเศรษฐกิจนั้น จากตัวเลขจากสภาพัฒน์ในปี 2567 พบคนจนเพิ่มขึ้น 3.43 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและผู้สูงอายุ พรรคชาติไทยพัฒนาไม่สนับสนุนการแก้ปัญหาความยากจนด้วยการแจกเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเสริมศักยภาพ สร้างอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

สำหรับนโยบายด้านการเกษตรนั้น นายวราวุธ เสนอให้รัฐบาลกำหนดมาตรฐานผลผลิตต่อไร่เพื่อประเมินต้นทุน–กำไรที่แท้จริง หากเกษตรกรผลิตต่ำกว่ามาตรฐาน ต้องมีระบบพี่เลี้ยงและการถ่ายทอดภูมิปัญญาชาวบ้านมาเป็น “ครูเกษตร” ให้เกษตรกรรุ่นใหม่ พร้อมสนับสนุนการผลิตที่สอดคล้องกับตลาดโลก การใช้เทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่กลายเป็นภาระต่อเกษตรกรและมนุษย์เงินเดือน รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น PM2.5 ขยะล้นเมือง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

“ผมขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยึดหลักการรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ประชาชนยอมรับว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดฉบับหนึ่ง เพราะเปิดให้ประชาชนทุกกลุ่มมีส่วนร่วม เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเมืองอย่างแท้จริง พร้อมเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินโยบายในสิ่งที่ดีอยู่แล้วขอให้ทำต่อ สิ่งที่ควรแก้ก็ต้องกล้าแก้ หากไม่เปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม” นายวราวุธกล่าวทิ้งท้าย