นางฐิติมา ฉายแสง และนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล วิจารณ์หนักเรื่องนโยบายเกษตรกรรมว่าไร้ความชัดเจน ไม่เป็นรูปธรรม และยังแก้ปัญหาที่ชาวนา-ชาวไร่เผชิญอยู่ไม่ได้จริง

นางฐิติมา ระบุว่า ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลแทบไม่กล่าวถึง “เกษตร” ทั้งที่เป็นฐานรากเศรษฐกิจของประเทศ มีเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน แต่กลับไม่ได้รับความสำคัญเท่าที่ควร พร้อมตั้งคำถามต่อผลงานกระทรวงเกษตรฯ ภายใต้การดูแลของพรรคกล้าธรรมว่า 2 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีผลงานชัดเจน ทั้งราคาข้าวตกต่ำ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นต่อเนื่อง

เธอยกตัวอย่างว่า ราคาข้าวในปี 2553 อยู่ที่ตันละ 9,520 บาท แต่ปัจจุบันปี 2568 ยังเฉลี่ยเพียง 9,500-10,000 บาท แถมข้าวนาปรังในหลายพื้นที่เหลือแค่ 5,000 กว่าบาทต่อเกวียน ต่ำกว่าราคาเมื่อกว่า 10 ปีก่อน จึงเป็นคำถามว่าเกษตรกรจะอยู่รอดได้อย่างไร

นอกจากนี้ ยังชี้ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเงินช่วยเหลือชาวนานาปรังปี 2567/68 ไร่ละ 1,000 บาท ที่ชาวนาหลายรายไม่ได้รับสิทธิเพราะหว่านข้าวก่อนกำหนด ทั้งที่ผลผลิตยังอยู่ในช่วงเวลาโครงการ พร้อมฝากให้รัฐบาลใช้ช่วงเวลา 4 เดือนที่เหลือทำอย่างน้อย 1 เรื่องสำเร็จ เพื่อพิสูจน์ว่ามีความจริงใจต่อเกษตรกร

ด้านนายธีระชัย อภิปรายเสริมว่า นโยบายส่งเสริมเกษตรด้วยเทคโนโลยีไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ยากจน ไม่สามารถซื้อเครื่องจักรราคาแพงได้ อีกทั้งรัฐบาลที่ผ่านมาเคยประกาศว่าจะดันราคายางพาราให้ได้กิโลกรัมละ 100 บาท และสกัดยางเถื่อนชายแดน แต่ไม่เคยทำสำเร็จ

เขายังกล่าวถึงปัญหาชาวไร่อ้อยที่เสี่ยงขาดทุนในฤดูกาลผลิต 2568/69 เนื่องจากราคาต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตัน พร้อมเสนอให้รัฐบาลใช้งบกลางอุดหนุนตันละ 120 บาท สำหรับอ้อยสดที่ส่งโรงงาน รวมถึงขอให้ปรับราคาน้ำตาลภายในประเทศขึ้นเพียงกิโลกรัมละ 3 บาท เพื่อพยุงรายได้เกษตรกรโดยไม่กระทบค่าครองชีพประชาชนมากนัก

นายธีระชัยทิ้งท้ายว่า รัฐบาลต้องพิสูจน์ว่าจริงใจในการแก้ปัญหาปากท้องเกษตรกร ทั้งชาวนา ชาวสวนยาง และชาวไร่อ้อย ไม่ใช่เพียงเขียนนโยบายสวยหรูแต่ทำไม่ได้จริง