การเมือง
"พีระพันธุ์" ข้องใจร่างแก้ รธน. เหตุใดเปิดทางแก้ "หมวด 1-2" หวั่นกระทบสถาบันหลักของชาติ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

"พีระพันธุ์" ข้องใจ ร่างแก้ รธน. เหตุใดเปิดทางแก้ 'หมวด 1-2' หวั่นกระทบสถาบันหลักของชาติ ย้ำจุดยืนปกป้องชายแดนไทย "อธิปไตย-ความมั่นคงของประเทศ" อยู่เหนือสิ่งอื่นใด พร้อมชูนโยบาย "ใช้หนี้ด้วยงาน" แก้หนี้ กยศ. ช่วยคนตกงาน ลดภาระในครัวเรือน
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วม Live พูดคุยกับพี่น้องประชาชนผู้มาให้กำลังใจอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง โดยเล่าถึงประสบการณ์วัยเด็ก การอบรมเลี้ยงดูของครอบครัว และประสบการณ์เมื่อครั้งเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศที่มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา ก่อนกลับมาเริ่มต้นการทำงานด้านกฎหมายและเป็นผู้พิพากษา รวมทั้งจุดเปลี่ยนผันที่ทำให้ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง หลังจากที่ตนได้พบเห็นความทุกข์และความเดือดร้อนของประชาชนอันเกิดจากความไม่รู้กฎหมาย และการขาดที่พึ่ง
“อีกเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ช่วงพฤษภาทมิฬ ผมก็วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองเหมือนกัน จึงเกิดความคิดที่ว่า ถ้าเอาแต่ด่า แต่ไม่ลงมือเข้ามาทำให้มันดีขึ้น ก็ควรด่าตัวเองดีกว่า วันนั้นเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ตัดสินใจลาออกจากการเป็นผู้พิพากษา มาเข้าสู่การเมือง”นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ ได้ตอบคำถามในประเด็นเกี่ยวกับการทำงานการเมืองในอนาคตว่า นอกเหนือจากด้านพลังงาน ถ้าเป็นไปได้ตนอยากดูแลด้านการศึกษา และมีความสนใจงานด้านกลาโหมเป็นพิเศษ อีกทั้งยังได้ตอบข้อซักถามที่ประชาชนได้ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยว่า รัฐบาลต้องมีความชัดเจนและยึดผลประโยชน์ของประเทศสำคัญเหนืออื่นใด
"ผมพูดแบบตรงไปตรงมา ทุกอย่างอยู่ที่รัฐบาล รัฐบาลต้องมีความชัดเจนและยึดประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเป็นสิ่งจำเป็น แต่ 'ความมั่นคงของประเทศสำคัญกว่า' หากเกิดปัญหากับเพื่อนบ้าน ความมั่นคงของประเทศต้องนำหน้า ไม่มีใครอยากเสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากเราคิดฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่คิดแบบเราปัญหาก็เกิดขึ้นได้ ก็ยากที่จะดำเนินความสัมพันธ์ต่อไปได้ และเราต้องประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไหนควรทำอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจ คือ อธิปไตยของคนไทย แผ่นดินไทย และผลประโยชน์ของประเทศไทย" นายพีระพันธุ์ กล่าวอย่างหนักแน่น
ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับผลงานที่ภาคภูมิใจ นายพีระพันธุ์ได้หยิบยกความสำเร็จในคดีโฮปเวลล์ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการศึกษาและหามุมกฎหมายใหม่เพื่อแนวทางแก้ปัญหา รวมทั้งการรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริง การหามุมกฎหมายที่เหมาะสม และการตามหาพยานบุคคลเพื่อยืนยันข้อมูล แม้ตอนแรกจะไม่แน่ใจว่าจะทำได้แค่ไหน แต่ก็ตั้งใจว่าจะทำให้ถึงที่สุด ตนจึงรู้สึกดีใจและภูมิใจที่สามารถทำคดีนี้สำเร็จได้ อย่างน้อยก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า "เราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด" ทั้ง ๆ ที่แพ้คดีมานานถึง 30 ปี มีความยากลำบากในหลายด้าน เนื่องจากเหตุการณ์และคดีมีความซับซ้อนและผ่านมาเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ยังเปิดเผยถึงอีกนโยบายสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่นคือ “การใช้หนี้ด้วยงาน” เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แทนการดำเนินคดีฟ้องร้องผู้กู้ยืมกองทุนฯ ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และอาจทำลายอนาคตของผู้มีความรู้ความสามารถ
"ควรให้ผู้กู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ด้วยเหตุผลความจำเป็น สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาช่วยงานหรือบริการสังคมเพื่อทดแทนหนี้คืนรัฐ แนวทางนี้จะดีกว่าการฟ้องร้องและสร้างภาระเพิ่ม ผมคิดว่าหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ ใช้หนี้ด้วยงาน" นายพีระพันธุ์กล่าว
ในช่วงท้าย นายพีระพันธุ์ได้ตอบคำถามเรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญในประเทศไทย มักถูกสื่อปลูกฝังให้เป็นเรื่องการเมือง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง แต่แท้ที่จริงแล้วรัฐธรรมนูญคือเครื่องมือป้องกันตัวของประชาชน เป็นหลักประกันความยุติธรรมในชีวิต ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง เวลาแก้ไขก็จะเน้นเรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน ไม่ใช่เรื่องโครงสร้างทางการเมือง ในการเลือกตั้ง หรือเรื่องของจำนวนสมาชิกในรัฐสภา
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายต่างๆ ความสำคัญอยู่ที่หลักการ การจะออกกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายที่แก้รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายทั่วไปจะเริ่มต้นด้วยหลักการที่ว่า ทําไมต้องมีกฎหมายฉบับนี้และในกฎหมายฉบับนี้เราจะให้ทําอะไรได้ หรือไม่ให้ทําอะไร การที่รัฐสภาลงมติวาระแรก เพื่อรับหลักการยังไม่ไช่การรับเนื้อหาข้างในกฎหมาย เพราะในชั้นกรรมาธิการพิจารณาเนื้อหากฎหมายยังสามารถแก้ไขได้ ถ้าเนื้อหาดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่ทางรัฐสภารับรองแล้ว
ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ไม่มีฉบับไหนเลยที่ระบุในหลักการว่าไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 หมวด 2 ดังนั้น ในชั้นพิจารณาของกรรมาธิการจึงสามารถแก้ไขได้ และที่สำคัญ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฉบับที่ไม่ได้เป็นหลัก ยังเปิดช่องให้แก้ไข โดยเขียนระบุไว้ในหลักการว่า ถ้าจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ต้องทำอย่างไร ซึ่งหากไม่ต้องการให้แก้ไขอย่างที่อ้าง ทําไมไม่ระบุไปในหลักการ เมื่อไม่ได้ระบุไว้ถือเป็นการเปิดช่องให้มีการแก้ไข หมวด 1 หมวด 2 ได้นั่นเอง
"ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง แก้เพื่อเป็นหลักประกันของประชาชน แก้เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้รัฐธรรมนูญคุ้มครองตัวเองจากการใช้อํานาจไม่ถูกต้องของภาครัฐ แก้เพื่อให้ประชาชนสามารถคุ้มครองตนเองจากการใช้สิทธิทางกฎหมายที่ไม่ชอบโดยคนที่มีอํานาจทางอิทธิพล ทางเศรษฐกิจ หรือการทางด้านการเงินเหนือกว่า ครับ ถ้าคุณจะแก้เพื่อให้นักการเมืองเสวยอํานาจกันต่อไปได้ไม่ควรจะแก้ และไม่ใช่วัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญ" นายพีระพันธุ์ กล่าวในตอนท้าย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- รมว.อว.ลั่นคืนความเป็นธรรม “ดร.สืบพงษ์” เหยื่อถูกถอด “อธิการ ม.ราม” 20 ต.ค. 2568
- "พลังประชารัฐ" เปิดที่ทำการพรรคใหม่ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. "อดีตพท." เพียบ 20 ต.ค. 2568
- "ปลอดประสพ" เร่งปราบสแกมเมอร์ในเขมร ก่อนถูกเหมาเป็นพวก 20 ต.ค. 2568
- กกต.สรุปผลการเลือกตั้งซ่อม สส.กาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 อย่างไม่เป็นทางการ 20 ต.ค. 2568
- โหวตลับชี้ขาด! "ณัฐวุฒิ บัวประทุม" ผงาดนั่งประธาน กมธ.แก้ รธน. เสียงนำ "ชูศักดิ์" ราว 10 คะแนน 20 ต.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
โฆษกรัฐบาลยันไทยไม่มีปล่อยตัว 18 เชลยศึกเขมร หากกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลงปราบสแกมเมอร์และข้อตกลงที่เหลือ 21:21 น.
- "ดร.มหานิยม" รับพรจาก "เจ้าคุณสุธรรม สุธัมโม" ขอให้ส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนาต่อไปและชนะเลือกตั้งสส. 19:47 น.
- "อภิสิทธิ์" คืนจอการเมือง ย้ำภารกิจฟื้นอุดมการณ์ "ซื่อสัตย์สุจริต" อัดประชานิยมแบกหนี้ชาติ เปรียบ สส.ย้ายพรรคเหมือนกองหน้าค่าตัวแพงแต่ยิงไม่ได้ 19:13 น.
- "มงคลกิตติ์" ยินดี "อภิสิทธิ์" คัมแบล็คหัวหน้าปชป. เตรียมหารือ "เฉลิมชัย" วางเส้นทางการเมืองตัวเอง 18:15 น.
- "ดร.มหานิยม-คุณน้ำผึ้ง-ประธานดอกบัวคู่" ร่วมทอดกฐินวัดป่าโคกกลางเต่างอย 17:42 น.