การเมือง
อนาคต "ประชาธิปัตย์รุ่น 5.0" ในมือ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคคนคนที่ 10
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

หากพรรคประชาธิปัตย์สามารถสร้างความร่วมมือระหว่างคนรุ่นใหม่–รุ่นเก่าได้อย่างแท้จริง และปรับโครงสร้างการสื่อสารให้สอดคล้องกับสังคมดิจิทัล อาจเกิด “ประชาธิปัตย์รุ่น 5.0”
พรรคประชาธิปัตย์ (Democrat Party) เป็นพรรคการเมืองที่มีความเก่าแก่และต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2489 และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยภายใต้ระบบรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์มีอัตลักษณ์ทางการเมืองชัดเจนในฐานะพรรคที่ยึดมั่นในแนวทางเสรีประชาธิปไตย เคารพสิทธิมนุษยชน และมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการเมืองที่มีความโปร่งใสและรับผิดชอบต่อประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ประสบกับภาวะถดถอยทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการแข่งขันของพรรคการเมืองใหม่ ความเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และความท้าทายในการปรับตัวต่อกระแสทางสังคมสมัยใหม่ การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรค กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้งในปี พ.ศ. 2568 จึงถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพรรคในการฟื้นฟูบทบาทและศรัทธาทางการเมือง
ภูมิหลังทางการเมืองของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และบริบทการกลับมานำพรรค
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาแล้วสองครั้ง (พ.ศ. 2548 และ 2554) และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2551–2554 เป็นผู้นำทางการเมืองที่ได้รับการยอมรับในด้านความสุจริตทางการเมือง ความมีวุฒิภาวะทางปัญญา และความยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตยเชิงสถาบัน
การกลับมาของนายอภิสิทธิ์ในปี 2568 ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์สูงถึงร้อยละ 96.18 โดยไม่มีคู่แข่งในการชิงตำแหน่ง ถือเป็นการ “คัมแบ็ก” ทางการเมืองที่ได้รับความคาดหวังสูง ทั้งจากสมาชิกพรรคและจากสาธารณชน โดยเฉพาะในภาวะที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังต้องการฟื้นความเชื่อมั่นและความร่วมมือภายใน
โครงสร้างและองค์ประกอบของกรรมการบริหารพรรค “ยุคอภิสิทธิ์ใหม่”
การจัดตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายาม “ปรับสมดุลทางรุ่น” และ “สร้างพลังใหม่ทางความคิด” ภายในพรรค
นายอภิสิทธิ์ได้แต่งตั้งบุคคลที่มีทั้งประสบการณ์ทางการเมืองและผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหาร โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การสื่อสาร และนโยบายสังคมยั่งยืน
ตัวอย่างเช่น
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองนายกรัฐมนตรี กลับมาร่วมงานในฐานะรองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ
นางการดี เลียวไพโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง อดีตโฆษกกรุงเทพมหานคร ดำรงตำแหน่งโฆษกพรรค
นายสกลธี ภัททิยกุล และ นายสาธิต ปิตุเตชะ กลับมารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคดูแลภาค
นอกจากนี้ การกลับมาของอดีตสมาชิกพรรคที่เคยลาออกไป เช่น นายกรณ์ จาติกวณิช นายสกลธี ภัททิยกุล นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ ยังแสดงให้เห็นถึงพลังของการ “รวมคนประชาธิปัตย์กลับบ้าน” ซึ่งเป็นสัญญาณของการสร้างเอกภาพทางการเมืองภายในพรรค
วิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาพรรคภายใต้ผู้นำรุ่นกลาง–ผสมรุ่นใหม่
ในคำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ต่อที่ประชุมใหญ่ เขาเน้นว่า “ใจตนไม่เคยไปไหน” และแสดงความตั้งใจที่จะใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อ “เติมกำลังให้กับพรรค” โดยให้คนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรการเมืองเก่าแก่แห่งนี้
แนวทางดังกล่าวสามารถวิเคราะห์ได้ในสามมิติหลักคือ
มิติการเมืองเชิงสถาบัน (Institutional Politics)
นายอภิสิทธิ์มุ่งฟื้นฟูโครงสร้างพรรคให้มีความเป็นเอกภาพและโปร่งใสมากขึ้น
การแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคที่หลากหลายแสดงถึงแนวคิดการบริหารแบบ “ร่วมพัฒนา” (Collaborative Leadership)
มิติการสื่อสารและภาพลักษณ์ (Political Communication)
พรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่มีแนวโน้มใช้กลยุทธ์สื่อดิจิทัลมากขึ้น ผ่านบุคลากรที่มีความรู้ด้านสื่อออนไลน์ เช่น นายจูรี นุ่มแก้ว และ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง
การฟื้นแบรนด์พรรคในกลุ่มคนรุ่นใหม่กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของการสื่อสารทางการเมือง
มิตินโยบายสาธารณะ (Public Policy)
การนำผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคมยั่งยืนเข้ามา มีแนวโน้มจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์พัฒนา “นโยบายที่มีฐานข้อมูลและคุณภาพ” มากขึ้น
สะท้อนการกลับมาของแนวคิด “พรรคการเมืองเชิงนโยบาย” (Policy-Oriented Party) ที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของประชาธิปัตย์
การวิเคราะห์โอกาสและความท้าทาย
แม้การกลับมาของนายอภิสิทธิ์จะได้รับการตอบรับเชิงบวกจากสมาชิกพรรคและประชาชนบางส่วน แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงเผชิญความท้าทายหลายประการ ได้แก่
การฟื้นศรัทธาของฐานเสียงเดิม: โดยเฉพาะในภาคใต้และกรุงเทพฯ ซึ่งพรรคสูญเสียคะแนนไปให้พรรคใหม่ๆ
การสร้างฐานเสียงคนรุ่นใหม่: ซึ่งมีแนวโน้มไม่ผูกพันกับพรรคเก่าและนิยมการเมืองเชิงประเด็นมากกว่าการเมืองเชิงสถาบัน
การแข่งขันทางเศรษฐกิจการเมือง: พรรคอื่น ๆ ใช้กลยุทธ์เชิงประชานิยมที่เข้าถึงง่ายกว่า ซึ่งท้าทายแนวคิดแบบ “เหตุผลและหลักการ” ที่ประชาธิปัตย์ยึดถือ
อย่างไรก็ดี จุดแข็งของนายอภิสิทธิ์อยู่ที่ “ความชัดเจนทางจริยธรรมทางการเมือง” และ “ประสบการณ์ในระบบรัฐสภา” ซึ่งสามารถเป็นฐานทุนทางความน่าเชื่อถือให้พรรคใช้ในการฟื้นภาพลักษณ์ “พรรคแห่งหลักการและสถาบันประชาธิปไตย”
แนวโน้มอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้ยุคอภิสิทธิ์ (2568–2570)
หากพรรคประชาธิปัตย์สามารถสร้างความร่วมมือระหว่างคนรุ่นใหม่–รุ่นเก่าได้อย่างแท้จริง และปรับโครงสร้างการสื่อสารให้สอดคล้องกับสังคมดิจิทัล อาจเกิด “ประชาธิปัตย์รุ่น 5.0” ที่มีคุณลักษณะสำคัญดังนี้
พรรคที่ยึดหลักการแต่ไม่ล้าหลัง (Principled but Modernized)
พรรคที่เปิดรับคนรุ่นใหม่และผู้เชี่ยวชาญภาคประชาชน
พรรคที่ยึดนโยบายเชิงข้อมูลและหลักธรรมาภิบาล
พรรคที่พัฒนาเครื่องมือสื่อสารสาธารณะเพื่อฟื้นศรัทธาในระบบพรรค
ดังนั้น การกลับมาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 10 มิได้เป็นเพียงการ “ฟื้นตัวของผู้นำเก่า” แต่เป็น “การเริ่มต้นของยุคผสมผสาน” ที่พยายามเชื่อมต่อระหว่างประสบการณ์ทางการเมืองกับพลังความคิดใหม่ในศตวรรษที่ 21
พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของอภิสิทธิ์จึงมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่พรรคการเมืองเชิงนโยบายที่เข้มแข็งอีกครั้ง หากสามารถบริหารความแตกต่างภายในพรรคอย่างสร้างสรรค์ และปรับตัวให้เข้ากับพลวัตทางการเมืองยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในเชิงวิชาการ กรณี “อภิสิทธิ์คัมแบ็ก” จึงอาจถือเป็น “แบบจำลองการฟื้นพรรคการเมืองดั้งเดิมในยุคสื่อใหม่” ที่น่าศึกษาในแง่การสืบทอดความเป็นสถาบันทางการเมือง และการพัฒนาองค์กรพรรคให้ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของประชาธิปไตยร่วมสมัยของไทย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- รมว.อว.ลั่นคืนความเป็นธรรม “ดร.สืบพงษ์” เหยื่อถูกถอด “อธิการ ม.ราม” 20 ต.ค. 2568
- "พลังประชารัฐ" เปิดที่ทำการพรรคใหม่ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. "อดีตพท." เพียบ 20 ต.ค. 2568
- "ปลอดประสพ" เร่งปราบสแกมเมอร์ในเขมร ก่อนถูกเหมาเป็นพวก 20 ต.ค. 2568
- กกต.สรุปผลการเลือกตั้งซ่อม สส.กาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 อย่างไม่เป็นทางการ 20 ต.ค. 2568
- โหวตลับชี้ขาด! "ณัฐวุฒิ บัวประทุม" ผงาดนั่งประธาน กมธ.แก้ รธน. เสียงนำ "ชูศักดิ์" ราว 10 คะแนน 20 ต.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
โฆษกรัฐบาลยันไทยไม่มีปล่อยตัว 18 เชลยศึกเขมร หากกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลงปราบสแกมเมอร์และข้อตกลงที่เหลือ 21:21 น.
- "ดร.มหานิยม" รับพรจาก "เจ้าคุณสุธรรม สุธัมโม" ขอให้ส่งเสริมงานด้านพระพุทธศาสนาต่อไปและชนะเลือกตั้งสส. 19:47 น.
- "อภิสิทธิ์" คืนจอการเมือง ย้ำภารกิจฟื้นอุดมการณ์ "ซื่อสัตย์สุจริต" อัดประชานิยมแบกหนี้ชาติ เปรียบ สส.ย้ายพรรคเหมือนกองหน้าค่าตัวแพงแต่ยิงไม่ได้ 19:13 น.
- "มงคลกิตติ์" ยินดี "อภิสิทธิ์" คัมแบล็คหัวหน้าปชป. เตรียมหารือ "เฉลิมชัย" วางเส้นทางการเมืองตัวเอง 18:15 น.
- "ดร.มหานิยม-คุณน้ำผึ้ง-ประธานดอกบัวคู่" ร่วมทอดกฐินวัดป่าโคกกลางเต่างอย 17:42 น.