เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568  นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หารือร่วมกับ นายอานุด เมทา ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย สำนักงานผู้แทนประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำของประเทศ โดยมีรองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการหารือ ซึ่งมุ่งเน้นการขับเคลื่อนแนวคิด “เมืองซับน้ำ หรือ Sponge City” ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการวางแผนพัฒนาเมืองให้สามารถดูดซับ กักเก็บ และระบายน้ำ ได้อย่างเป็นระบบ โดยใช้หลักการวางผังเมือง และโครงสร้างพื้นฐานของเมือง (Urban Infrastructure) เพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงป้องกันและการใช้ประโยชน์ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากอุทกภัยในเขตเมือง สร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน

ทั้งนี้ แนวคิด “เมืองซับน้ำ” ยังเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ในการจัดการภัยพิบัติอย่างครอบคลุม ทั้งการป้องกันน้ำท่วม ภัยแล้ง และการพัฒนาเมืองสีเขียว (Green City Development) ควบคู่กับการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ (Air Pollution) การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากคลื่นความร้อน (Heat Wave) และการสร้างเมืองที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ (Urban Resilience) เพื่อก้าวสู่เมืองที่มีการบริหารจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ (Holistic Approach)

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้กำหนดแนวทางดำเนินโครงการพัฒนาเมืองซับน้ำเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว โดยขับเคลื่อนผ่านพื้นที่นำร่อง 6 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ ขอนแก่น ระยอง และเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานน้ำและผังเมืองสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยจะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อปรับใช้แนวคิดเมืองซับน้ำให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่ และขยายผลไปสู่จังหวัดอื่น 

ด้านนายอานุด เมทา กล่าวย้ำว่า ธนาคารพัฒนาเอเชียพร้อมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับประเทศไทย โดยพร้อมสนับสนุนกระทรวงมหาดไทย ทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี และองค์ความรู้ เพื่อร่วมพัฒนา “เมืองซับน้ำต้นแบบ” แบบไทย ที่สามารถบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและรับมือภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งสู่การสร้าง “เมืองที่มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ (Holistic Approach)” ในอนาคต