เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568  สร้างความฮือฮาในแวดวงการเมืองอีกครั้ง เมื่อ “ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” อดีต ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย หลังร่วมอุดมการณ์มากว่า 17 ปี พร้อมเปิดใจด้วยน้ำตาว่า “ไม่มีที่ยืนในพรรคเดิม” ก่อนประกาศย้ายเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค

ดร.มหานิยม ถือเป็นหนึ่งในนักการเมืองอาวุโสของพรรคเพื่อไทย เคยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สกลนครมาแล้วถึง 4 สมัย และแม้ในการเลือกตั้งปี 2566 จะพ่ายไปอย่างเฉียดฉิว แต่ยังคงทำงานรับใช้ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภารกิจด้านพระพุทธศาสนา ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า “ไม่เคยละเลยแม้ไม่ได้ดำรงตำแหน่ง”

เปิดตัวใหญ่ “พลังประชารัฐ” ดึงอดีตคนเพื่อไทยร่วมทัพ

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะผู้บริหารพรรค อาทิ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน นายไพบูลย์ นิติตะวัน พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ และ ม.ล.กรณสิวัฒน์ เกษมศรี ได้จัดงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 80 คน พร้อมแต่งตั้ง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค

ภายในงาน ยังมีอดีต ส.ส. และอดีตรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหลายรายเข้าร่วม อาทิ นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์, นายสมศักดิ์ คุณเงิน, นายสามารถ แก้วมีชัย, นายสุชาติ ลายน้ำเงิน, นายไกร ดาบธรรม, นายสุรพล เกียรติไชยากร, นายศักดา คงเพชร, นายอนันต์ ศรีพันธุ์ และนางมุกดา พงษ์สมบัติ รวมถึง “ดร.มหานิยม” ด้วย

การย้ายทีมครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็น “การผึ้งแตกรังครั้งใหญ่” ของอดีตคนเพื่อไทย ที่เคยร่วมงานกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร มาอย่างยาวนาน

เปิดใจ “ดร.มหานิยม”: จากน้ำตาสู่การเริ่มต้นใหม่

“ผมลาออกจากพรรคเพื่อไทยทั้งน้ำตา อยู่มา 17 ปี ไม่เคยทำให้พรรคเสื่อมเสีย มีแต่ส่งเสริม แต่สุดท้ายกลับไม่มีที่ยืนในพรรค ต้องไปหาบ้านใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร” ดร.มหานิยม กล่าว

เจ้าตัวยอมรับว่า เหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจย้ายพรรค คือการถูกเสนอให้เปลี่ยนจากผู้สมัคร ส.ส.เขต ไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ โดยไม่ทราบลำดับแน่ชัด ทั้งที่ยืนยันพร้อมลงสมัครในพื้นที่เดิม ซึ่งเป็นฐานเสียงของตนมาโดยตลอด

“ผมอายุ 74 ปีแล้วก็จริง แต่ยังแข็งแรง ทำงานได้เต็มที่ คนที่จะมาลงแทนก็อายุน้อยกว่าผมแค่ 2 ปี จึงไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องสละพื้นที่ที่ผมดูแลมานาน”

ดร.มหานิยม เผยว่า หลังพิจารณาอยู่นานกว่า 2 เดือน ก็ได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐให้ลงสมัครในเขตสกลนคร ซึ่งตรงกับความตั้งใจที่จะทำงานใกล้ชิดประชาชน

ปณิธานไม่เปลี่ยน แม้ย้ายบ้านใหม่

“ผมเป็นนักการเมืองของประชาชน และของประเทศชาติ ผมมุ่งมั่นทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา ประชาชน และสังคมมาโดยตลอด การย้ายพรรคไม่ได้เปลี่ยนอุดมการณ์ เพียงต้องการพื้นที่ทำงานให้เต็มที่เท่านั้น”

ดร.มหานิยม ทิ้งท้ายว่า หวังว่าประชาชนชาวสกลนครและคนไทยทั่วประเทศจะเข้าใจเหตุผลของเขา พร้อมยืนยันจะสานต่อปณิธานเพื่อพุทธศาสนาและประชาชนต่อไป