วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:49 น.

การเมือง

“เบอร์สองฮุนเซน” แผลงฤทธิ์กลางเวทีโลก! ขึ้นโพเดียมถล่มไทยในที่ประชุมรัฐสภาโลก อ้างแผนที่–ศาลโลก–MOU 43 โวยไทยทำสงครามจิตวิทยา

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 16.57 น.

หลังเก็บตัวสองวัน “อุช โบฤทธิ์” มือขวา “ฮุน เซน” ขึ้นโพเดียมเวทีรัฐสภาโลกกล่าวหาไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนชายแดน ปล่อยเสียงหลอนกลางคืน พร้อมอ้างแผนที่–MOU 43–คำตัดสินศาลโลกเป็นหลักฐานเหนือกว่าไทย ขณะที่เจ้าตัวพูดเกินเวลา ถูกประธาน IPU ตักเตือนกลางเวที 

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการประชุม สมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) ครั้งที่ 151 นาย อุช โบฤทธิ์ รองประธานวุฒิสภากัมพูชา และมือขวาของอดีตนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที General Debate เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากเงียบหายไปตลอดสองวันแรกของการประชุม

ตลอดช่วงสองวันก่อนหน้า นายอุช โบฤทธิ์ไม่ปรากฏตัวในห้องประชุมใด ๆ ของ IPU แม้แต่ในวันเปิดเวทีใหญ่ (20 ตุลาคม) ซึ่งเปิดให้ประธานรัฐสภาจากประเทศต่าง ๆ กล่าวถ้อยแถลง โดยในวันนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาไทย ได้ขึ้นพูดเป็นลำดับที่ 17 ในลิสต์ A แต่ไม่มีผู้แทนระดับสูงจากกัมพูชาเข้าร่วมฟัง มีเพียงสมาชิกสภากัมพูชานั่งสังเกตการณ์อยู่ด้านหลัง

สำหรับวันถัดมา นายอุช โบฤทธิ์ได้รับคิวพูดในลิสต์ B เนื่องจากดำรงตำแหน่ง “รองประธานวุฒิสภา” จึงได้ขึ้นเวทีในวันที่สองของการอภิปรายทั่วไป

ขึ้นเวที “ถล่มไทย” กลางที่ประชุม IPU

ตามความคาดหมายของฝ่ายไทย “เบอร์สองฮุนเซน” ใช้โอกาสบนเวทีโลกกล่าวโจมตีประเทศไทย โดยอ้างข้อมูลฝ่ายเดียวเกี่ยวกับปัญหาพิพาทชายแดน

ตอนต้นของสุนทรพจน์ นายอุช โบฤทธิ์เปิดด้วยท่าทีเป็นมิตร ขอบคุณผู้แทนจากไทยที่ร่วมประชุม และยืนยันว่ากัมพูชายึดมั่นในสันติภาพ ความปรองดอง และการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ แต่เพียงไม่นาน บทพูดก็วกเข้าสู่ประเด็นพิพาทชายแดน โดยระบุว่า “หากประเมินสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมอย่างตรงไปตรงมา จะเห็นว่ามาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนถูกละเมิดอย่างรุนแรงในพื้นที่ชายแดนของกัมพูชา”

“กัมพูชาไม่คิดจะเป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น จึงขอร้องประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ให้รับทราบเรื่องนี้ด้วย” เขากล่าว

อ้าง “สนธิสัญญาฝรั่งเศส–สยาม” และ “ศาลโลก 2505”

นายอุช โบฤทธิ์ยังอ้างว่า ปัญหาพรมแดนไทย–กัมพูชามีขอบเขตชัดเจนตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอ้างถึง สนธิสัญญาฝรั่งเศส–สยาม ปี ค.ศ.1904, สนธิสัญญาเพิ่มเติม และ คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ปี ค.ศ.1962 ที่กัมพูชามองว่าให้สิทธิเหนือพื้นที่ปราสาทพระวิหาร

เขายังกล่าวถึง บันทึกข้อตกลง MOU ปี 2543 (ค.ศ.2000) ซึ่งระบุการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านเทคนิคเพื่อพิจารณาเขตแดน โดยระบุว่า “ความขัดแย้งควรได้รับการแก้ไขผ่านกลไกทางกฎหมายและตุลาการที่ได้รับการยอมรับ ไม่ใช่ด้วยการกระทำฝ่ายเดียว”

กล่าวหาไทย “ละเมิดสิทธิมนุษยชน–ทำสงครามจิตวิทยา”

รองประธานวุฒิสภากัมพูชายังกล่าวหาว่า ทหารกัมพูชา 18 นาย ถูกควบคุมตัวโดยฝ่ายไทย และประชาชนตามแนวชายแดนถูกกดดันให้ออกจากพื้นที่ พร้อมอ้างว่ามีการ “ปล่อยเสียงแหลมดังยามค่ำคืน” เพื่อสร้างความหวาดกลัวแก่ชาวกัมพูชา ซึ่งถือเป็น “การละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และอนุสัญญาระหว่างประเทศ”

นอกจากนี้ เขายังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ากัมพูชาละเมิดต่อมรดกโลก โดยย้ำว่า “ปราสาทพระวิหารและโบราณสถานต่าง ๆ เป็นของกัมพูชา การส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปประจำการ เป็นเพียงการพิทักษ์ดินแดนของตนเอง”

เกินเวลา–โดนประธาน IPU ตักเตือน

ตลอดการปราศรัย นายอุช โบฤทธิ์พูดยาวเกินเวลาที่กำหนด แม้มีไฟสัญญาณสีแดงกระพริบเตือนและประธานการประชุม ซึ่งเป็นสตรีชาวยุโรป กล่าวขัดจังหวะหลายครั้งว่า “เวลาหมดแล้ว” แต่เจ้าตัวไม่ยอมหยุดพูด จนกระทั่งเสียงไม่พอใจเริ่มดังจากผู้แทนประเทศอื่น

หลังสุนทรพจน์จบลง ประธานสมัชชา IPU กล่าวตำหนิบนเวทีทันที ว่าเป็นการไม่เคารพกติกาและเวลาของที่ประชุม ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้แทนประเทศอื่นที่ยังรอคิวอภิปราย
 
 

หน้าแรก » การเมือง

Top 5 ข่าวการเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง