วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568 03:40 น.

การเมือง

"อนุทิน" หารือทวิภาคี "ทรัมป์" ก่อนลงนามแผนปฏิญญาเจราและปฏิบัติชายแดนไทย-เขมร

วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 12.25 น.

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568  เวลาประมาณ 12.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่ประเทศมาเลเซีย  โดยได้หารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) เกี่ยวกับความร่วมมือที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านการค้า และความมั่นคง รวมถึงการปราบปรามสแกมเมอร์

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in Kuala Lumpur, Malaysia) โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามดังกล่าว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวระหว่างพิธีลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการยุติการสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า "เราเป็นฝ่ายทำให้เรื่องนี้ยุติลงได้"

ทรัมป์เผยว่า หลังเกิดเหตุนองเลือดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาเมื่อช่วงกลางปี มีการติดต่อพูดคุยกันหลายครั้งระหว่างผู้นำทั้งสี่ฝ่าย ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะตกลงหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข หลังการสู้รบต่อเนื่องหลายวัน

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขามีฝีมือในการทำข้อตกลงสันติภาพ และทำได้ดีกว่าองค์การสหประชาชาติ (UN) พร้อมยืนยันว่าสหรัฐฯ จะยังคงมีบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป

"สว.นพดล" เข้าใจรัฐบาลต้องลงนามปฏิญญาเพื่อสร้างสันติภาพกับกัมพูชา

นายนพดล อินนา สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา กล่าวถึงความคืบหน้าในการศึกษา MOU 2543-2544 วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามสันติภาพกับกัมพูชา โดยมีนายโดนัล เจ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมสังเกตการณ์ด้วย ว่า ประเทศไทยและกัมพูชามีชายแดนติดกันถึง 798 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามไม่ว่าช้าหรือเร็วเราก็ต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ เราจะย้ายประเทศก็ไม่ได้อยู่ดี ถ้าข้อตกลงนั้นที่เรายื่นไป 4 ข้อทางกัมพูชารับได้ ก็ถือว่าเราก็บรรลุเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องดูต่อไปว่าเมื่อลงนามแล้ว ทางกัมพูชาจะปฏิบัติตามที่เรายื่นข้อตกลง 4 ข้อหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน

“รัฐบาลคงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด เพราะในอดีตที่ผ่านมาเราจะเห็นอยู่เหมือนกันว่าการปฎิบัติของกัมพูชามักจะไม่ตรงไปตรงมา อีกประการหนึ่งคือการลงนามรอบนี้มีทั้งสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ด้วย ถ้าเราไม่ลงนาม ก็จะดูเสมือนว่าเราไม่ให้ความร่วมมือในสายตาชาวโลกในการได้มาซึ่งสันติภาพ ซึ่งเราก็ประกาศมาโดยตลอดว่าเราต้องการสันติภาพต้องการความสงบสุข เราต้องดูด้วย เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลก” นายนพดล กล่าว

นายนพดล ยังกล่าวว่า ความคืบหน้าของ กมธ.ศึกษา MOU 2543-2544 ตอนนี้คืบหน้ามากกว่าร้อยละ 50 แล้ว นอกจากเรื่องความเป็นมาเป็นไปของ MOU ยังมีข้อเท็จจริงที่ประชาชนยังไม่ได้รับรู้ทั้งฝั่งที่สนับสนุนและคัดค้าน ซึ่งหาก กมธ. ได้รายงานให้ทราบแล้วจะทำให้ทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น ถือเป็นการปูพื้นฐานให้เห็นถึงเนื้อหา โดยในวันที่ 28 ต.ค. นี้ ยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี จะมาให้ข้อมูลต่อ กมธ. แน่นอน ในช่วงบ่าย 

หน้าแรก » การเมือง

ข่าวในหมวดการเมือง