"บวรศักดิ์" แจงรัฐบาลคุมสภาไม่ได้ ยันยึดกรอบ 60 วันจัดประชามติรัฐธรรมนูญ  – เดินหน้าเปิดเวทีสาธารณะ ถก MOU 43-44 – ศึกษาขยายเกษียณ 65 ปี – ลั่นกิโยตินกฎหมายล้าหลังเห็นผลในรัฐบาลนี้ 

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้รัฐบาลเร่งส่งคำถามประชามติภายใน 75 วันก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ว่า รัฐบาลจะยึดตามกรอบกฎหมาย 60 วัน ไม่ใช่ 75 วัน ตามที่ กกต.เสนอ เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญยังอยู่ระหว่างการจัดทำและยังไม่ชัดเจนในรายละเอียด

 ยันรัฐบาลยึดตามกรอบกฎหมาย 60 วัน – เตรียมคุย กกต.หาทางออก

นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ตนและเลขาธิการ กกต.จะหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม โดยรัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้รับข้อมูลและเข้าใจเนื้อหาชัดเจนที่สุด

“รัฐบาลจะเปิดเวทีสาธารณะให้ประชาชนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยขอความร่วมมือจากสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และพรรคการเมืองต่าง ๆ ให้เป็นผู้จัดเวทีหลัก เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลชี้นำ” นายบวรศักดิ์กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หาก กกต.ขอให้ส่งคำถามประชามติภายในวันที่ 17 มกราคม 2569 สภาฯ จะต้องส่งร่างให้ ครม.ภายในเมื่อใด นายบวรศักดิ์ตอบว่า “กกต.มีสิทธิ์แสดงความประสงค์ แต่ตามกฎหมายต้องดำเนินการภายใน 60 วันก่อนจัดประชามติ รัฐบาลจะพยายามเอื้อให้มากที่สุด แต่ไม่สามารถควบคุมได้ทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการพิจารณาของรัฐสภา ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านวาระสามหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้”

 เปิดถก MOU 43-44 – เชิญนักวิชาการร่วมแลกเปลี่ยน

รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายยังกล่าวถึงกรณีบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา (MOU 43 และ 44) ว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ โดยก่อนหน้านี้ได้ประชุมภายในไปแล้วหนึ่งครั้ง และเตรียมเชิญนักวิชาการที่มีความรู้จริง—not “กูรู” ในสื่อ—เข้าหารือเพิ่มเติม

คืบหน้าแนวคิดขยายเกษียณ 65 ปี – ใช้โมเดลค่อยเป็นค่อยไป 10 ปี

สำหรับแนวคิดการขยายอายุเกษียณราชการเป็น 65 ปี นายบวรศักดิ์เปิดเผยว่า จะหารือร่วมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รวมถึงเลขาธิการ ก.พ. เพื่อศึกษาความเหมาะสม โดยยกตัวอย่างหน่วยงานที่มีอายุเกษียณสูงอยู่แล้ว เช่น ผู้พิพากษา อัยการ (70 ปี) และข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา (65 ปี)

ทั้งนี้ ข้อมูลของ ก.พ. ชี้ว่าคนไทยมีอายุเฉลี่ย 70 ปี และอัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการเสียชีวิต ทำให้แรงงานลดลงและเข้าสู่สังคมสูงวัย จึงควรพิจารณาขยายเวลาเกษียณอย่างรอบคอบ โดยอาจทยอยปรับในช่วง 10 ปี เพื่อให้ระบบราชการและงบประมาณปรับตัวได้ กรมบัญชีกลางเสนอให้ยึดฐานเงินเดือนสุดท้ายที่อายุ 60 ปีในการคำนวณบำนาญ เพื่อป้องกันภาระงบประมาณที่อาจเพิ่มขึ้น

ลั่นกิโยตินกฎหมายล้าหลัง – เดินหน้าปฏิรูปภายในรัฐบาลนี้

นายบวรศักดิ์กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อน เร่งรัด และติดตามนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อเดินหน้าการ “กิโยตินกฎหมาย” — การเร่งยกเลิกและแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และประกาศที่ล้าสมัย สร้างภาระให้ประชาชน

โดยมี 4 กระทรวงหลักที่ต้องเร่งปรับปรุง ได้แก่  กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“ผมหวั่นใจนิด ๆ ว่าจะไปคุยกับรัฐมนตรีมหาดไทยอย่างไร เพราะเป็นนายของผมด้วย แต่ก็ต้องคุย ต้องขอความร่วมมือให้ทุกกระทรวงเร่งทำ หากไม่ได้จริง ๆ ก็ให้เสนอทางออกมา” นายบวรศักดิ์กล่าว

เขาระบุว่า การดำเนินการ “กิโยติน” นี้จะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน และหากสำเร็จ จะช่วยยกระดับ 3 ตัวชี้วัดสำคัญของประเทศ ได้แก่ ความสามารถในการแข่งขันของ IMD  หลักนิติธรรม (Rule of Law)  ธรรมาภิบาลของธนาคารโลก (World Bank Governance Index) 

เน้นหลักนิติธรรมเพื่อประโยชน์ประชาชน

นายบวรศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า การยกเลิกกฎระเบียบที่ล้าหลังไม่ใช่เรื่องของนายกรัฐมนตรีหรือของตน แต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง
“ผมสอนลูกศิษย์เสมอว่า เวลาจะเขียนกฎหมาย อย่าคิดว่าตัวเองมีอำนาจ แต่ให้คิดว่าตัวเองเป็นประชาชนคนหนึ่ง ตั้งแต่เกิดจนถึงเชิงตะกอน ข้าราชการมีหมวกสองใบ ต้องคิดถึงวันที่ตัวเองเกษียณแล้วต้องกลับไปติดต่อกรมของตัวเองด้วย”