"อนุทิน ชาญวีรกูล" ระบุรอให้กองทัพและ สมช. แถลงสถานการณ์หลังครบ 72 ชั่วโมงหยุดยิง พร้อมย้ำผลการประชุม JBC จะเกิดขึ้นได้จริงต้องตั้งอยู่บนความจริงใจและเหตุผล ขณะที่ข้อเสนอจีนช่วยเหลือ 20 ล้านหยวน ยังต้องรอหารือรายละเอียด

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเงื่อนไข 72 ชั่วโมง ที่จะครบในช่วงเวลา 12.00 น. จะให้กองทัพแถลงหรือนายกฯ เป็นผู้แถลงเอง นายกรัฐมนตรี เผยว่า ฝ่ายกองทัพ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) น่าจะมีการดำเนินการตามที่ได้ระบุไว้ใน Joint Statement

เมื่อถามว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามเร่งให้ฝ่ายไทย ไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (Joint Boundary Committee : JBC) โดยข้ามไปที่ฝั่งกัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรี เผยว่า เราก็ดูสถานการณ์ต่างๆ ทุกอย่างต้องเกิดความจริงใจและความตั้งใจ ที่จะทำให้สถานการณ์สันติภาพเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น อะไรที่เป็นเหตุเป็นผลประเทศไทยพร้อมที่จะหารือ และหาทางออกด้วยกันอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่จีนเสนอช่วยเหลือไทย 20 ล้านหยวน เพื่อฟื้นฟูความเสียหายต่อประชาชนและทรัพย์สิน ตอนนี้มีการพูดคุยยังไงบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นข้อเสนอที่พูดขึ้นมาในการประชุมระหว่าง 3 ประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย กัมพูชา และจีน รายละเอียดเรายังไม่ได้ลงลึก ต้องหารือก่อน ซึ่ง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็กลับมาเมื่อคืน

มท.ย้ำผู้ว่าฯประเมินความปลอดภัยร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ก่อนนำประชาชนกลับบ้าน 
 
นายภาสกร บุญญลักษม์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน เปิดเผยว่า ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้อง รับทราบและมีความเข้าใจที่ถูกต้องในทุกประเด็น ที่ได้มีการลงนามในถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ถูกต้อง รวมถึง ทราบแนวทางเกณฑ์การเยียวยาช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะการนำประชาชนกลับบ้าน ที่ต้องประเมินสถานการณ์ว่ามีความปลอดภัยจริง และได้รับการยืนยันความปลอดภัยจากหน่วยทหารในพื้นที่ก่อน รวมทั้งประสานหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) เพื่อเข้าสำรวจพื้นที่ ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ประชาชนทยอยเดินทางกลับบ้านเรือนตามภูมิลำเนา

นอกจากนี้ ให้จังหวัดจัดเตรียมรถรับ - ส่ง ให้ประชาชน เพื่อเดินทางกลับบ้านเรือนตามภูมิลำเนา และที่พักอาศัย และ เมื่อกลับถึงบ้าน หากประชาชนพบวัตถุต้องสงสัย ให้รีบแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เพื่อรายงานตำรวจ และทหารในพื้นที่ เข้าดำเนินการตรวจสอบและแก้ปัญหาต่อไป

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังกำชับให้จังหวัด สั่งการอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหายด้านการดำรงชีพ และด้านการเกษตร เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2568 รวมถึงเร่งสำรวจความเสียหายด้านสาธารณูปโภค ไฟฟ้า และประปา รวมถึงสถานที่ราชการ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการซ่อมแซมโดยด่วน

กัมพูชาเสนอจัดประชุมวิสามัญ JBC สัปดาห์แรกของปี 2569  
 
ส่วนปัญหาการส่ง โดรน 250 ลำบินล้ำน่านฟ้าไทย ตามแนวชายแดนนับเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง นายปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันแล้วและตกลงจะสอบสวนเหตุการณ์นี้ เพื่อหาข้อยุติโดยทันที พร้อมทั้งชี้แจงผ่านสื่อทางการว่าเป็นประเด็นเล็กน้อยจากการที่ทั้ง 2 ฝ่ายพบเห็นโดรนในแถบพรมแดน

ขณะที่ มาลี โสเจียตาโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยที่ระบุว่ากัมพูชาส่งโดรนรุกล้ำอธิปไตย โดยระบุว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยและไม่มีหลักฐาน พร้อมย้ำว่ากัมพูชายึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงและและข้อตกลงสันติภาพอื่นๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อคืนความสงบสุขให้ประชาชนตามแนวชายแดน

ขณะที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวฺุฒิสภากัมพูชา และเนธ พักตรา รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของสำนักงานเลขาธิการรัฐด้านกิจการพรมแดนกัมพูชา ซึ่งระบุว่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ฝ่ายกัมพูชา ได้ส่งหนังสือทางการทูตถึงคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายไทย เพื่อเสนอให้จัดการประชุมวิสามัญเร่งด่วน ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค.2569 ณ เสียมราฐ เพื่อหารือและดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

ทั้งการสานต่อความคืบหน้าการสำรวจและการวางหมุดชั่วคราวในหลายพื้นที่ รวมถึงเพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งชุดสำรวจร่วมลงพื้นที่ปฏิบัติงานสำรวจและปักปันเขตแดนตามเจตนารมณ์ของบันทึกความเข้าใจจากการประชุม JBC ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2568 ณ กรุงพนมเปญ

สำนักงานเลขาธิการรัฐด้านกิจการพรมแดนกัมพูชา เน้นย้ำว่า คณะฝ่ายกัมพูชายึดมั่นในการปกป้องเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ตามแนวทางของคณะกรรมการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม โดยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาและสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ตลอดจนความตกลงและเอกสารที่เกี่ยวข้องซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน พร้อมย้ำว่า คณะ JBC ฝ่ายกัมพูชายืนยันจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนใดๆ อันเป็นผลจากการใช้กำลัง