วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567 14:25 น.

อสังหา

แสนสิริปลื้มแคมเปญ”ผ่อนให้” โกยยอดขายพุ่ง 4.2 พัน.ล้าน

วันพุธ ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563, 14.11 น.

แสนสิริปลื้มแคมเปญ”ผ่อนให้”

โกยยอดขายพุ่ง 4.2 พัน.ล้าน

 
นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ลูกค้าตอบรับแรง จากการที่ เมื่อจองซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ไม่ต้องมีภาระใดๆ ไปถึง 24 เดือน นำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ ตัดกังวลใจจากทั้งภาวะเศรษฐกิจหรือการงานมีเวลาเตรียมตัวสบายๆ ยาวไปถึง 2 ปี ส่งผลให้แคมเปญได้รับการตอบรับที่ดี และมียอดขายพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างยอดขายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อีกกว่า 1,700 ล้านบาทรวมกับยอดขายที่ทำได้แล้ว 2,500 ล้านบาท ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทมียอดขายในไตรมาส 2 รวมแล้วถึง 4,200 ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ของเดือนเมษายน
 
นอกจากนี้ปัจจัยสนับสนุน นอกเหนือจากแคมเปญที่ตอบโจทย์ ยังมาจากกลยุทธ์ความแข็งแกร่ง ในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการหรือ Sansiri Service ในการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย รวมไปถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงมาตรฐานแสนสิริพร้อมเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการ พร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่ ซึ่งเมื่อรวมกับการส่งมอบแคมเปญที่เข้าใจใน Customer Insight จากสถานการณ์อสังหาฯที่กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ขณะที่มีการตัดสินใจที่มากขึ้น จากสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตบริษัทจึงได้มอบแคมเปญที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จด้านยอดขายตั้งแต่เริ่มต้นไตรมาส 2  
 
จากความสำเร็จของแคมเปญ ยังส่งผลให้ ปิดการขายเพิ่มเติมอีก 2 คอนโดมิเนียม ต่อจากการปิดการขายโครงการไทเกอร์ เลน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ โครงการ ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต มูลค่าโครงการ 910 ล้านบาท และ เดอะ เบส เพชรเกษม มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาทโดยมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเก็บจากเหตุผลด้านราคาที่ดีมากและเชื่อมั่นว่าราคาจะสูงขึ้นอีกในอนาคต ด้วยศักยภาพทั้งในด้านจุดเด่นของตัวโครงการและศักภาพของทำเลที่ตั้งและความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ โดยโครงการดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต ราคาเฉลี่ย 65,000 บาทต่อตารางเมตรมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าจากการปิดการขาย ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุน ในสัดส่วน 50 : 50% มีอัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่า หรือ Yield สูงถึงเกือบ 6%และ เดอะ เบส เพชรเกษม ราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อตารางเมตร มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุน ในสัดส่วน 60 : 40 %และมีอัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่า หรือ Yield ถึง 4.5 – 5.5% นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จครอบคลุมโปรดักส์ในทุกเซกเมนต์ทั้งในแนวสูงและแนวราบ โดยจ่อคิวปิดการขายอีก 6 โครงการคอนโดมิเนียมที่ได้รับการตอบรับที่ดี ได้แก่ดีคอนโด กำแพงแสน มียอดขายแล้ว 98% คาดปิดการขายได้ภายในสัปดาห์หน้า,ดีคอนโด หาดใหญ่ มียอดขายแล้วถึง 80%, ลา กาซิตา หัวหิน มียอดขายดี 85%, เดอะ เบส สุขุมวิท 50 ยอดขาย 80%, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ ยอดขาย 85%และเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 มียอดขายแล้ว 80% ในขณะที่ยอดขายโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว – ทาวน์โฮม สูงขึ้นต่อเนื่องในทุกสัปดาห์และคิดเป็นสัดส่วนถึง 90% จากยอดขายรวม 4,200 ล้านบาทที่ทำได้ในไตรมาส 2
 
 “นอกจากความสำเร็จในการส่งมอบแคมเปญที่เข้าใจและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ยังมาจากการที่บริษัทรุกการขายในทุกช่องทางที่สามารถตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในยุคโควิด ด้วย Multi-Channel ซื้อขายครบในทุกช่องทาง ซื้อและเยี่ยมชมโครงการง่ายแค่ปลายนิ้ว ได้แก่ช่องทางที่1 : Sansiri Virtual Sales Gallery เยี่ยมชมโครงการเสมือนจริงบน www.sansiri.com , แสนสิริ ไลน์ ออฟฟิเชียลช่องทางที่ 2 : Line Official Account สนในโครงการไหน แชทคุยได้ตลอดที่ @Sansiriplc ช่องทางที่ 3 : Facebook Sansiri PLC เกาะติดทุกข่าวสารทักผ่าน inbox ได้เลยช่องทางที่ 4 : Visit Site เยี่ยมชมโครงการแบบ private tour ที่ทั้งปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ด้วยความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ที่คุมเข้มด้วยมาตรการ “Sansiri Care… เพราะเราห่วงใยพร้อมยกการระดับดูแลเต็มขั้นในทุกสถานการณ์ ที่ส่งผลให้ลูกค้ายังเข้าเยี่ยมชมโครงการของแสนสิริต่อเนื่อง ช่องทางที่ 5 : 24 Hrs. Online Bookingจองคอนโดออนไลน์ได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง และช่องทางที่ 6 : Call Centre อยากรู้เรื่องไหน แสนสิริพร้อมดูแล ที่โทร 1685จากความสำเร็จด้านยอดขายอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงได้พิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 12,000 ล้านบาทและเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวผ่านทุกสถานการณ์ด้วยความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน” นายอุทัย กล่าว