วันเสาร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567 17:42 น.

ภูมิภาค

ไปท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ “วัดป่าพิฆเณศวร์” วัดพุทธในชื่อพราหมณ์หนึ่งเดียวในแผ่นดินสยาม ที่จังหวัดอุบลราชธานี

วันอาทิตย์ ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561, 19.42 น.

 

 

ไปท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ “วัดป่าพิฆเณศวร์”

วัดพุทธในชื่อพราหมณ์หนึ่งเดียวในแผ่นดินสยาม  ที่จังหวัดอุบลราชธานี
          

 

 

วัดป่าพระพิฆเณศวร์  ตั้งอยู่บริเวณบ้านปากน้ำ (บุ่งสระพัง) ต.กุดลาด อ. เมือง จ. อุบลราชธานี เป็น วัดพุทธในชื่อพราหมณ์หนึ่งเดียวในแผ่นดินสยาม และ วัดป่าพิฆเณศวร์ ยังเป็น ชุมชนเก่าแก่ ของกองกำลังฐานทัพค่ายบ้านดอนมดแดง ของเจ้าพระวอ เจ้าเมือง อุบลราชธานี ใน อดีต อีกทั้งเป็นสถานที่ขุดพบ หลวงพ่อเงิน พระชัยหลังช้าง  อีกด้วย  ซึ่งเดิมที วัดป่าพิฆเณศวร์ เป็นวัดร้างอยู่กลางป่าใหญ่ ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำมูล ถัดจากบริเวณวัด มีหนองน้ำใหญ่ชาวบ้านเรียก “หนองวัด” เมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปีกุน พ.ศ. 2319 ชาวบ้านได้อพยพหนีขึ้นไปอยู่ที่สูง พร้อมกับสร้างวัดแห่งใหม่ประจำหมู่บ้านขึ้น วัดแห่งนี้จึงถูกปล่อยทิ้งร้างไปตามกาลเวลา กลายเป็นป่ารกทึบ ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด ในที่สุดก็ไม่มีชาวบ้านคนใดเข้าไปในบริเวณวัดแห่งนี้อีกเลย  วัดป่าแห่งนี้จึงได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด


           

 

ตามตำนานเล่าขาน กล่าวไว้ว่า ในขณะที่ท่านเจ้าคุณพระมงคลธรรมวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดบ้านปากน้ำในสมัยนั้น กำลังดำเนินการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่อยู่นั้น ท่านก็เริ่มเข้าไปบูรณะวัดร้างแห่งหนึ่ง   ซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า “ วัดป่าพิฆเณศวร์ ”  สืบเนื่องมาจากการขุด พระพิฆเณศวร์ หินทรายได้จากบริเวณดังกล่าว โดยมีความมุ่งหวังว่า จะทำให้วัดแห่งนี้เป็นวัดสำหรับพระธุดงค์ที่ต้องการความสงบ ซึ่งเดินทางผ่านมาได้ปักกลด พักอาศัย ในระยะแรกท่านตั้งใจจะไม่ให้มีพระสงฆ์อยู่ประจำ เพราะต้องการให้เป็นที่ปลีกวิเวก จนกว่าจะมีชุมชนเกิดขึ้นในบริเวณนี้ ในขณะเดียวกัน ท่านก็มักปลีกตัวออกจากหมู่บ้านมาจำวัดที่วัดป่าแห่งนี้ จนเกิดความอบอุ่นใจแก่ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง  ซึ่งในอดีตท่านเจ้าคุณพระมงคลธรรมวัฒน์ ได้เล่าถึงสภาพวัดร้างแห่งนี้ว่า  ก่อนที่ท่านจะเข้าไปบูรณะ ป่าแห่งนี้เป็นที่อยู่ของฝูงลิงจำนวนมาก มีคนเคยตามฝูงลิงพลัดหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้ มักจะพบกับเหตุการณ์ต่างๆที่คาดไม่ถึง  
        

 

ต่อมา ท่าน เจ้าคุณพระมงคลธรรมวัฒน์ จึงเข้าไปบูรณะวัดร้างแห่งนี้ขึ้นเป็นวัดป่าประจำหมู่บ้าน ท่ามกลางความหวาดหวั่นของชาวบ้าน เกรงจะเกิดอันตรายจากสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เมื่อได้บูรณะวัดเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงให้ช่างปั้นรูปเหมือน พระพิฆเณศวร์ ขึ้นไว้ภายในวัด (องค์จริงทางราชการนำไปประดิษฐานในตัวเมือง) เพื่อเป็นการเตือนสติว่า วัดป่าแห่งนี้เป็นสถานที่ขุดพบโบราณวัตถุที่มีความสำคัญยิ่งต่อการศึกษา ประวัติศาสตร์ของชาติ และ ในปี พ.ศ. 2549  ยังมีรายงานการขุดพบโคอุสุภราชหินทราย ซึ่งเป็นวัวพาหนะของพระอิศวร ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ อายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 ที่บริเวณข้างวัดป่าพระพิฆเณศวร์ ไปทางทิศตะวันออก (ปัจจุบันเป็นพื้นที่ชาวบ้านรอบวัด) และได้มีการขายทอดตลาดไปยังนักเล่นของเก่าใน จังหวัดอุบลราชธานี การขุดพบ พระพิฆเณศวร์หินทราย และ โคอุสุภราชหินทราย ซึ่งเป็น วัวพาหนะของพระอิศวร ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ที่บริเวณวัดร้างแห่งนี้ ทำให้เชื่อแน่ได้ว่า สถานที่แห่งนี้จะเป็นชุมชนโบราณ และเป็นสถานที่ทางศาสนาพราหมณ์ ใน ยุคเจนละบกเจนละน้ำ และมีอิทธิพลสืบต่อมาจนถึงเขมรยุคเมืองพระนคร

 

 

ต่อมา เมื่อ พระพุทธศาสนาแบบทวารวดีแผ่อิทธิพลจากภาคกลางเข้ามา และได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้นตามลำดับ พร้อมกับ เขมรยุคเมืองพระนครเสื่อมอำนาจลง และสถานแห่งนี้ได้กลายเป็น วัดในพระพุทธศาสนา มีความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมสลับกันไป จนถึงการอพยพเข้ามาของประชาชนจากนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ซึ่งมี เจ้าพระวอ และ ท้าวคำผง ผู้เป็นบุตรเจ้าพระตา เป็นผู้นำ วัดแห่งนี้จึงได้รับการบูรณะขึ้นอีกครั้ง โดยกองทัพของเจ้าพระวอ เมื่อมีการขุดพบหลวงพ่อเงิน ศิลปะเชียงแสนล้านช้าง ในบริเวณวัดแห่งนี้ ทำให้นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า วัดแห่งนี้ มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับการตั้ง ค่ายบ้านดอนมดแดง ของเจ้าพระวอ เมื่อครั้งหนี ทัพเวียงจันทน์ ก่อนยอมขึ้นเป็นข้าขอบขันธสีมาสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี และ สถาปนาค่ายบ้านดอนมดแดง ขึ้นเป็นเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย  ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จากหลักฐาน ที่เด่นชัด คือ วัดป่าพระพิฆเณศวร์ แห่งนี้ เป็นสถานที่ ได้ขุดพบ หลวงพ่อเงิน พระชัยหลังช้าง ปัจจุบัน หลวงพ่อเงิน ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อเงิน ณ วัดบ้านปากน้ำ (บุ่งสระพัง) ต.กุดลาด อ. เมือง จ. อุบลราชธานี ซึ่งหลวงพ่อเงิน เป็นที่กราบไหว้ และ เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศ   แต่ละปีจะมีประเพณีแห่หลวงพ่อเงิน ในเดือนเมษายน ของทุกๆ ปี อีกด้วย  
           

 

คุณวชิรานนท์  บุญเย็น หรือ ดีเจ.บ่าวนนท์  คนมักจ่ม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  พระพิฆเณศวร์ องค์จริง ได้ผุดขึ้นเอง ณ โคนต้นบก ใกล้บุ่งสระพัง ทางลงหาดบุ่งสระพัง ไม่ใช่เป็นการขุดพบแต่อย่างใด และที่โคนต้นบกดังกล่าว  มักจะมีอิทธิฤทธิ์ให้เห็นเป็นประจำในครั้งอดีต กล่าวคือจะมีลำแสงพุ่งขึ้นเป็นประจำ และสาเหตุที่ พระพิฆเณศวร์ ได้ไปประดิษฐานอยู่ที่วัดสุปัฎนารามวรวิหาร ในเมืองอุบลราชธานี มีสาเหตุมาจากในสมัยนั้น ถ้ามีการขุดพบสิ่งของมีค่าหรือว่าวัตถุโบรณตลอดจนพระเก่าแก่  เจ้านายเมืองอุบลราชธานี จะให้นำไปเก็บไว้ที่ วังสงัด ข้างทุ่งศรีเมือง เมื่อท่านเจ้าคุณสมเด็จมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) เจ้าอาวาสรูปที่ 7 วัดสุปัฏนารามวรวิหาร ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ที่บัญชาการคณะสงฆ์ทางอีสาน  ท่านไปฉันข้าวจึงเห็นพระพิฆเณศวร์เข้า  ท่านจึงได้บอกเจ้านายเมืองอุบลฯว่า ของสิ่งนี้ไม่ควรอยู่ในสถานที่ทั่วไป  ควรไปอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่ง หลังจากกลับมาถึงวัด ทางเจ้าเมืองอุบลฯได้นำมาถวายที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร พระพิฆเณศวร์ จึงได้ประดิษฐานอยู่ที่ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร ในตัวเมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 


กิตติภณ   เรืองแสน / อุบลราชธานี / รายงาน.

หน้าแรก » ภูมิภาค