แม่ร้อง“ปวีณา”ลูกชายถูกเครื่องตัดยางตัดนิ้วขาด
กระดูกแตกถึงข้อศอก-ได้เงินแค่2หมื่น

เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ ( 5 ก.พ.62 ) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้นำ นายวิรัตน์ จันทร์มั่น อายุ 52 ปี นางจิรวรรณ จันทร์มั่น อายุ 40 ปี และ นายกิตติ นามวิเศษ อายุ 18 ปี บุตรชายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุถูกเครื่องตัดยางพารา ตัดเอานิ้วขาด 3 นิ้ว และกระดูกแตกถึงข้อศอก เข้าพบกับ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อมด้วย นางสุภาพร สุฒิศาสตร์ ผอ. พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่จากประกันสังคมจังหวัดยะลา สำนักงานแรงงานจังหวัดยะลา และ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดยะลา เพื่อขอความเป็นธรรมหลังนายจ้างช่วยเงิน 2 หมื่นบาท เป็นค่ารักษาแต่ต้องแลกกับการเป็นคนพิการตลอดชีวิตจนคิดอยากฆ่าตัวตาย

นางจิรวรรณ ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 เวลา 15.30 น. ขณะที่ลูกชายทำหน้าที่นำแผ่นยางพาราเข้าเครื่องตัด โดยที่ไม่คาดดิดเครื่องตัดยางพาราได้หนีบถุงมือที่สวมอยู่แล้วดึงมือเข้าไป ทำให้ใบมีดตัดนิ้วขาดทันที 3 นิ้ว เหลือเพียงนิ้วนางครึ่งนิ้ว และเครื่องยังดึงแขนเข้าไปบดทับขนกระดูกแขนแตกตั้งแต่ข้อมือถึงข้อศอก และพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลยะลาเป็นเวลา 17 วัน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ที่ผ่านมาทางโรงงานได้มอบเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเพียง 20.000 บาท เท่านั้น ตนเองดิดว่าไม่เป็นธรรมกับลูกชายที่ต้องมาเป็นคนพิการ และลูกชายก็มีอาการซึ่มเศร้าและอยากฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง ตนเองได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรมกับลูกชายตนเองด้วย

นางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นว่า ในการประชุมได้ข้อสรุปถึงการให้ความช่วยเหลือ นายกิตติ นามวิเศษ อายุ 18 ปี ผู้บาดเจ็บ ซึ่งสามารถที่จะได้รับการช่วยเหลือจากประกันสังคม กรณีได้รับบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุ ได้ตามกฎหมาย โดยทางประกันสังคมจะจ่ายเงินทดแทนและเงินที่เกิดจากอุบัติเหตุ โดยที่ผ่านมาอยู่ในขั้นตอนของระเบียบที่จะเบิกจ่ายเงิน เนื่องจากต้องประสานกับแพทย์โรงพยาบาลยะลา เพื่อประเมินในการที่ทางประกันสังคมจะจ่ายเงิน ซึ่งในการมาประชุมกันในวันนี้ ทางแม่ของนายกิตติ ก็มีความเข้าใจแล้ว และทางประกันสังคมจะจ่ายเงินให้เดือนละ 19.000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 44 เดือน ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินเดือนแรก ในเร็วๆ นี้ สำหรับข้อมือของนายกิตติ ที่ใช้การอะไรไม่ได้ ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะดำเนินการหาข้อมือเทียม ให้ต่อไป