หัวหน้าพรรคการเมืองขู่ฆ่านักข่าวขณะถ่ายทำสารคดี
 

ชี้จุดหัวหน้าพรรคการเมืองขู่ฆ่านักข่าวขณะถ่ายทำสารคดีหลังระแวงถูกจับผิดทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด้วยการแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อน ลากตัวผู้สื่อข่าวจากบริเวณด้านหน้าโรงลิเกใกล้ประตูทางเข้าวัดเข้าไปยังภายในศาลาสวดศพที่อยู่ลึกห่างเข้าไปถึงเกือบ 100 เมตร ก่อนเรียกลูกสมุนเข้ามารุมล้อมพร้อมขู่จะทำร้ายหมายเอาชีวิตอยู่ตลอดเวลา

วันที่ 11 มี.ค.62 เวลา 11.30 น. ที่ วัดบางกระเจ็ด ม.4 ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา นายสนทะนาพร อินจันทร์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลทีวี และสื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ได้นำพาคณะสื่อมวลชนเข้ามาชี้ยังบริเวณจุดเกิดเหตุ หลังจากถูกหัวหน้าพรรคการเมืองรายหนึ่ง กระทำการฉุดกระชากจากบริเวณด้านหน้าโรงลิเกชั่วคราว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้กับประตูทางเข้าวัดไปกระทำการข่มขู่ให้ลบไฟล์ภาพการแสดงลิเกที่ถ่ายไว้ทั้งหมด ยังที่บริเวณศาลาสวดศพ ซึ่งอยู่ห่างไกลผู้คนเข้าไปยังภายในวัดอีกประมาณ 80 เมตร หลังจากเกิดความระแวงว่าผู้สื่อข่าวจะเข้ามาแอบถ่ายภาพในขณะที่ตนเองกำลังมอบเงินให้แก่คณะลิเก ที่หัวหน้าพรรคการเมืองรายดังกล่าวอ้างว่าผู้เป็นน้องชายได้เป็นผู้ว่าจ้างให้เข้ามาทำการแสดงภายในงานศพของผู้เป็นมารดาของตนที่เสียชีวิต
 

โดยนายสนทะนาพร เล่าว่า ตนเองนั้นเป็นผู้เข้าร่วมรับการอบรมในโครงการพัฒนาผู้ผลิตรายการสารคดีระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นโครงการของ กสทช.ร่วมกับมูลนิธิสำรวจโลก ที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มี.ค.62 และจะต้องทำสารคดีส่งมูลนิธิสำรวจโลกหลังการฝึกอบรม ซึ่งตนเองเลือกทำสารคดีเรื่องการอนุรักษ์ลิเกไทย จึงได้ตะเวนถ่ายทำการแสดงลิเก และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคณะลิเกไทยมาหลายแห่ง ต่อมาในวันที่ 7 มี.ค.62 ได้รับการประสานงานจากนายนิพนธ์ สุขสมรูป อายุ 56 ปี อดีตเจ้าของคณะลิเกทรงพล ซึ่งเป็นคณะเก่าแก่ในวงการรายหนึ่ง ว่ามีลิเกคณะขนาดเล็กมาทำการแสดงยังที่วัดบางกระเจ็ด ที่เกิดเหตุ

จึงได้ติดต่อประสานงานกับทางคณะลิเกที่มาทำการแสดง เพื่อขอเข้ามาถ่ายทำและได้พากันเดินทางมาถ่ายทำการแสดงและมีการสัมภาษณ์ถึงอนาคตในการแสดง การพัฒนาปรับตัวของคณะลิเกไทย และความเป็นอยู่ของผู้แสดงจากเจ้าของคณะ จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.30 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังถ่ายภาพการแสดงอยู่ที่บริเวณด้านหน้าโรงลิเก ได้มีหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ได้เดินเข้ามาสอบถามว่าถ่ายอะไร ถ่ายไปทำไมให้ลบออกเดี๋ยวนี้
 

จากนั้นได้ลากตัวผู้สื่อข่าวไปยังที่บริเวณด้านท้ายศาลาสวดศพในวัดดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่าไหนมาคุยกันหน่อยซิ เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้บังคับให้ตนเองนั่งลงที่โต๊ะกลมจัดเลี้ยงงานศพพร้อมข่มขู่ว่าขอให้ลบภาพที่ถ่ายไว้ออกทั้งหมด พร้อมแสดงความเกรี้ยวกราดใส่ และเรียกพรรคพวกที่อยู่ภายในบริเวณศาลาจำนวนกว่า 10 คน เข้ามารุมล้อมควบคุมตัวตนเองไว้ ซึ่งในจำนวนนี้มีตำรวจอาสา 2 นาย ชาย 1 รายหญิง 1 ราย
 

ตนเองได้พยายามที่จะอธิบายเพื่อทำความเข้าใจให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเข้ามาถ่ายทำอยู่หลายครั้ง แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยินยอมรับฟังพร้อมกับพยายามเงื้อมือจะทำการตบมาที่ศีรษะของในทุกครั้งที่พยายามจะพูดอธิบายจำนวนเกือบ 20 ครั้ง แต่ได้มีพรรคพวกของผู้ก่อเหตุห้ามปรามไว้ ก่อนที่จะเปิดกระเป๋าสตางค์ให้ดูบัตร กก.ตร. ตำรวจภูธรในสังกัด ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และพูดขู่ว่า “ถ้าไม่ติดช่วงเลือกตั้ง กูยิงมึงทิ้งแล้ว”

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อที่จะโทรศัพท์หา นายนิพนธ์ ผู้นำพามาเพื่อที่จะแจ้งเหตุให้ทราบ แต่ได้ถูกแย่งโทรศัพท์มือถือไปจากมือโดยบอกว่าไม่ต้องตามใคร พร้อมกับเรียกฝ่ายกฎหมายที่มีการอ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวและเป็นนายกสมาคมสมาพันธ์ผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย โดยมีการแสดงบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวไม่ทราบสังกัดแน่ชัด แต่เป็นสำนักข่าวที่ไม่อยู่ในสารระบบที่ประชาชนทั่วไปรู้จักให้ดู 2 ใบ เข้ามาบังคับให้ตนเองถอดเมมโมรี่การ์ดออกจากกล้องและแย่งชิงไปจากมือ โดยระหว่างเกิดเหตุตนเองยังได้พยายามที่จะลุกเดินไปหา นายนิพนธ์ ที่นอนรออยู่ภายในรถด้านหน้าโรงลิเกหลายครั้ง แต่ได้ถูกหน่วงเหนี่ยวดึงตัวไว้ยังที่โต๊ะกลมภายในงานศพ ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มผู้ก่อเหตุ

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นนานเกือบ 1 ชม. ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์จาก สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางมายังในที่เกิดเหตุ และนำตนเองมายังที่ สภ.บางคล้า โดยที่มีกลุ่มของผู้ก่อเหตุติดตามมาด้วยจำนวน 4-5 คันรถ โดยที่ทางฝ่ายของผู้ก่อเหตุได้มีการลงบันทึกประจำวันกล่าวหาไว้ว่า “เข้ามาถ่ายทำบันทึกเทปโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของงาน ขณะบันทึกวีดีโอไม่แสดงบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว แอบบันทึกภาพผู้เสียหายที่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎร หมิ่นประมาทและได้ถ่ายทำบันทึกเทปที่อาจจะนำไปใช้เพื่อหวังผลประโยชน์อื่นใดอันอาจส่งผลที่เสียหายต่อเจ้าของงาน”

ซึ่งตามข้อเท็จจริงการจัดมหรสพภายในวัดนั้น เป็นสถานที่สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถที่จะเดินทางเข้าไปดูการแสดงลิเกได้ ขณะเดียวกันทางผู้ก่อเหตุยังได้นำเมมโมรี่การ์ดของตนเองไปให้แก่ทาง พนักงานสอบสวน สภ.บางคล้า ทำการลบไฟล์ภาพที่ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด รวมทั้งการแสดงและบทสัมภาษณ์ของลิเกคณะอื่นๆ ที่ถูกถ่ายไว้ออกไปด้วย จึงทำให้ตนได้รับความเสียหาย และได้เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ ต่อ ร.ต.อ.สิทธิศักดิ์ บัวธรา พนักงานสอบสวน สภ.บางคล้า ต่อพฤติกรรมของหัวพรรคการเมืองรายนี้ ที่กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจ พยายามทำร้ายร่างกายและข่มขู่ว่าจะยิงทิ้งทำให้เกิดความหวาดกลัวและทำให้เสียทรัพย์ไว้แล้ว ก่อนที่จะนำพาคณะสื่อมวลชนมาชี้ให้ดูยังในที่เกิดเหตุ นายสนทะนาพร กล่าว