วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 02:51 น.

ภูมิภาค

เร่งบูรณะโบสถ์สแตนเลสหลังแรกของสุพรรณบุรี ถูกลมพัดพัง

วันจันทร์ ที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, 22.30 น.

เร่งบูรณะโบสถ์สแตนเลสหลังแรกของสุพรรณบุรี ถูกลมพัดพัง

 

 
จากกรณีกล้องวงจรปิดจับภาพพายุพัดกระโชกทำให้โบสถ์สแตนเลสของวัดดอนเก้า เลขที่ 112 หมู่ 2 ต.บ่อกรุ อ.เดิมบางนางบวช ที่ก่อสร้างไปแล้วกว่า50เปอร์เซ็นต์ พังถล่มลงมาทั้งหลังโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนพระประธานซึ่งเป็นพระองค์ปฐมทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ หน้าตักกว้าง 118 นิ้ว สูง 5 เมตร ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุหน่วยงานที่เกี่ยวได้เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาทางแก้ไข

 


ล่าสุดนายวัฒนา ยั่งยืน นายอำเภอเดิมบางนางบวช ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.บ่อกรุ ได้เดินทางไปที่วัดดอนเก้า ที่เกิดเหตุอีกครั้งหลังจาก ตรวจสอบโดยรอบบริเวณแล้วนายอำเภอเดิมบาง ได้กล่าวว่า วันนี้ได้ร่วมกับ อบต.บ่อกรุ มาดูความเสียหายของโบสถ์สแตนเลสอีกครั้งเพื่อรวบรวมรายละเอียดรายงานความเสียหายให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทราบเพื่อจะได้ประเมินความเสียหายแล้วก็จะขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนา  เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวาตภัยเป็นภัยธรรมชาติ เมื่อเกิดขึ้นแล้วหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพี่น้องประชาชนต้องมาร่วมมือกันแต่ครั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นกับวัด เป็นภัยธรรมชาติ จึงต้องผ่านสำนักพุทธ

 

 
สำหรับโบสถ์สแตนเลสแห่งนี้นับว่าเป็นแห่งแรกของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ทางเจ้าอาวาสและชาวบ้าน รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธามีความประสงค์ร่วมกันและตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา จึงได้ว่าจ้างผู้รับเหมามาทำการก่อสร้างขึ้นซึ่งน่าจะมีความแข็งแรงแต่เมื่อเกิดปัญหาวาตภัยขึ้นประกอบกับอยู่ระหว่างการก่อสร้างทำให้การค้ำยันหรือการทำให้สมบูรณ์แบบนั้นยังไม่สมบูรณ์จึงทำให้เกิดความเสียหายขึ้น สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาแล้วก็ทางอำเภอเดิมบางและอบต.บ่อกรุ เราก็พร้อมเราได้พูดคุยกันไว้บางส่วนว่าโบสถ์หลังนี้เมื่อเป็นความศรัทธาของพี่น้องประชาชนและท่านเจ้าอาวาสต้องการสร้างเพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ในเรื่องของพระพุทธศาสนาแล้วเราก็จะดำเนินการต่อเชื่อว่าด้วยกำลังศรัทธาและความร่วมไม้ร่วมมือความสามัคคีของพี่น้องประชาชนแล้วคิดสามารถที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน
ทางด้านนายใหม่ กัญญา ชาวบ้านหมู่ 2 ต.บ่อกรุ เปิดเผยว่าตนและชาวบ้านรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เพราะว่าในรอบ 40-50 ปีเพิ่งเคยเจอพายุลมแรงที่ทำให้หลังคาบ้านบ้านพังและโบสถ์สแตนเลสที่ก่อสร้างขึ้นมาเมื่อปี 2558 เพื่อใช้ในกิจกรรมของสงฆ์สวดมนต์ภาวนาและกิจกรรมของหมู่บ้านต้องมาถูกลมพายุพัดพังเสียหายก็รู้สึกเสียใจ เบื้องต้นได้ปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและท่านเจ้าอาวาสและชาวบ้านแล้วว่าจะร่วมกันหาช่องทางบูรณะแก้ไขก่อสร้างให้โบสถ์สแตนเลสให้สำเร็จ

 


ทางด้านพระครูปัญญาวัฒนวิกรม เจ้าอาวาส กล่าวว่าได้แนวคิดการสร้างพระอุโบสถ มาจากวัดปากลำขา แข้ง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี  เนื่องจากว่าสวยดีดูแล้วแปลกตามั่นคงดีจากที่เคยสัมผัสภายในพระอุโบสถนั้นไม่ร้อน เย็นสบายไม่ร้อนดั่งที่เราคิดผิดความคาดหมาย ที่สำคัญผ่านไป 20 ปีกลับไปเห็นอีกครั้งไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงไม่เก่าไม่มีคราบราเนื่องจากเป็นสแตนเลส ดังนั้นจึงคิดว่าถ้าได้สร้างจะขอสร้างเป็นสแตนเลสดีกว่า อย่างน้อยก็รู้จักกับนายช่างที่เป็นเจ้าของโรงงานที่ทำสแตนเลส  สามารถที่จะทำให้มีความคงทนถาวรสร้างครั้งหนึ่งมียุเป็น 100 ปี ถือว่าคุ้มค่าที่เราทำ ราคาก่อสร้างก็แพงกว่าโบสถ์ธรรมดาทั่วไปนิดหน่อย แค่10กว่าล้านวัดไหนก็สามารถสร้างได้แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อสร้างแล้วอย่างที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะต้องเอามาเป็นบทเรียน แก้ไขปรับปรุงส่วนที่บกพร่องซึ่งเป็นอุทาหรณ์สำหรับวัดต่างๆที่จะก่อสร้างโบสถ์ที่เป็นสแตนเลส หรือเป็นโลหะ ให้เน้นถึงความปลอดภัยของญาติโยมสาธุชนพระภิกษุสามเณรที่จะใช้เพราะว่าตรงนี้ต้องคิดใหม่แก้ไขใหม่ไม่ให้บกพร่องให้มาตรฐานแข็งแรงปลอดภัยกับญาติโยมที่มาไหว้พระประธานก็ดีหรือมาร่วมงานต่างๆในวัดวาอารามเพื่อความปลอดภัยต้องเน้นตรงนี้เลยตรงที่มาตรฐานการก่อสร้างจะต้องพึ่งพาวิศวกรวิศวกรรมหรือสำนักงานโยธามีบทบาทมาช่วยดูแลการก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน อีกอย่างเราก็ ได้ช่วยกันสืบอายุพระศาสนาอย่างน้อยเราก็ได้ช่วยกันสร้างไว้เพื่อประดิษฐานซึ่งไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เป็นของเราชาวพุทธทุกคน

 

   
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นช่วงค่ำของวันที่ 4 พ.ค.ขณะที่พระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกากำลังปฏิบัติธรรม เป็นวันที่อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่ฝนไม่ตกเมื่อฝนไม่ตกก็มีลมพายุพัดเป็นลมหมุนแรงมากไม่คาดคิดว่าจะทำให้พระอุโบสถล้มลงมาโดยไม่คาดคิดส่วนอาตมาภาพเมื่อมาเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็มีความรู้สึกตกใจในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ พระอุโบสถล้มลงมาก็ใจหายกว่าที่เราจะสร้างขึ้นมาได้ต้องอาศัยกำลังศรัทธาจากญาติโยมทุกสารทิศร่วมด้วยช่วยกันทำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งพระอุโบสถหลังนี้อาตมาตั้งใจที่จะสร้างอุทิศถวายในหลวงรัชกาลที่ 9  เพราะว่าเป็นผู้ที่เทิดทูลสถาบันจึงอยากจะสร้างเป็นการเสด็จพระราชกุศลให้กับพระองค์ท่าน แล้วก็คิดไว้ ว่าเมื่อสร้างเสร็จก็จะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการที่จะนำตราสัญลักษณ์บรมราชาภิเษกของรัชกาลที่ 10 มาติดตั้งที่พระอุโบสถ เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นก็เป็นเรื่องสุดวิสัย อย่างไรก็ตามอาตมาคิดอยู่ในใจเสมอว่าต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ในวันนี้ต้องขอบคุณนายอำเภอเดิมบางนางบวช ที่เดินทางมาดูสถานที่ที่เกิดเหตุ และให้กำลังใจเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นเราต้องช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่เป็นการรักษาศรัทธาชาวพุทธที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ก็ดีหรือญาติโยมที่มาร่วมสร้างไว้ก็ดีจะได้มีกำลังใจต่อไปและยังเป็นการช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนาต่อไป

 

 
สำหรับวัดเป็นวัดดอนเก้า นี้เป็นวัดที่หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ และหลวงพ่อแขก วัดหัวเขา ซึ่งเป็นพระครูบาอาจารย์ท่าน มาสร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2476 และไม่เคยมีพระอุโบสถอาตมาจึงตั้งใจอยากจะสร้างไว้ให้เป็นที่สำหรับพระสงฆ์ทำสังฆกรรมเมื่อมาเกิดเหตุการณอย่างนี้ขึ้นก็เป็นเหตุสุดวิสัยจะไม่โทษว่าฝ่ายผิดฝ่ายไหนถูกซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสอาตมาขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวเพราะเราเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างทั้งหมดเพราะเหตุที่เกิดขึ้นขั้นเป็นการเกิดเหนือความคาดหมายเกิดได้ทุกสถานที่เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วเราก็มาร่วมกันแก้ไขหรือสร้างขึ้นมาใหม่ก็จะทำให้เรามีแต่ความสุข  หากญาติโยมชาวพุทธท่านใดที่มีจิตศรัทธาที่จะร่วมสร้างพระโบสถสแตนเลสซึ่งเป็นแห่งแรกของจังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นหลังแรกของวัดดอนเก้า ด้วย 

หน้าแรก » ภูมิภาค