วันที่  4 ธ.ค. 2562  นายสุรพล  ศรีทับทิม พาณิชย์จังหวัดพิจิตร  เปิดเผยว่า จากกรณีที่ชาวนาหลายคนยังสับสนและไม่เข้าใจเกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นแนวทางช่วยเหลือจากรัฐบาล  ว่า  แนวทางการช่วยเหลือต้องดูตามภาวะตลาดที่เรียกว่า การกำหนดราคาเกณฑ์อ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2562/2563 ที่มีการปรับขึ้น-ลง โดยอ้างอิงราคาซื้อขายจากท้องตลาดเป็นไปตามกลไกของภาวะตลาด

 

แนวทางการช่วยเหลือมาตรการที่ 1.  ที่ชาวนาพิจิตรจะได้รับ คือ การชดเชยส่วนต่างราคา โดยผู้ที่จะมีสิทธิ คือ ชาวนาที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานเกษตรใกล้บ้านและคีย์ข้อมูลถูกต้องตามระบบโดยยึดถือเอกสารสิทธิ์เป็นหลัก ถ้าเป็นชาวนาที่ปลูกข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลประกาศราคาอ้างอิงข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ไว้ที่ราคาตันละ 14,513.55  บาท  แต่ในความเป็นจริงราคาซื้อขายข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ที่เป็นข้าวแห้งความชื้น 14.5 % ตามโรงสีและท่าข้าว ซื้อขายกันอยู่ที่ราคาตันละ 15,000 บาท  ดังนั้นราคาเกณฑ์อ้างอิงในช่วงระหว่าง วันที่ 30 พ.ย. 2562 / 25563 รอบที่ 1 ( งวดที่ 4 ) สรุปว่า ผู้ปลูกข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่จะไม่มีการชดเชยหรือช่วยเหลือ เนื่องจากราคาสูงกว่าเป้าหมาย ตามมาตรการประกันรายได้เกษตรกร

แนวทางการช่วยเหลือมาตรการที่ 2. เมื่อชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลินอกพื้นที่  อาจพลาดโอกาสหรือผิดหวังจากข้องที่ 1. แต่ก็ยังมีสิทธิ์ ได้รับเงินชดเชยช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 500 บาท แต่ไม่เกิน 20 ไร่  หรือเป็นเงินไม่เกิน 10,000 บาท ต่อครัวเรือน ซึ่งข้อนี้ ครม. หยิบยกพื้นที่จังหวัดพิจิตรเป็นโมเดล ซึ่งขณะนี้ ครม.ได้อนุมัติ  ชาวนาได้เงินชัวร์แน่นอน  แต่ต้องรอระยะเวลางานด้านธุรการ ซึ่งอีกไม่กี่วันคงมีเงินโอนเข้าบัญชี ธกส. ของชาวนาโดยตรง

 

แนวทางการช่วยเหลือมาตรการที่ 3. ชาวนาที่ปลูกข้าวเปลือกเจ้า รัฐบาลประกาศราคาเกณฑ์อ้างอิง หรือราคาซื้อขายจริงในปัจจุบัน ตันละ 7,404.32 บาท / ตัน ที่เป็นข้าวแห้ง ความชื้น 14.5%  แต่รัฐบาลประกันราคาอยู่ที่ 10,000 บาท ดังนั้นในข้อนี้ชาวนาที่ปลูกข้าวเปลือกเจ้า ก็จะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างเป็นเงิน 2,553.39 บาท  เฉพาะในห้วงเวลาตามรอบประกาศ งวดที่ 4 ระหว่างวันที่ 16-30 พ.ย. 2562 นี้เท่านั้น  ส่วนถ้าหลังจากรอบนี้ก็ต้องรอฟังประกาศอ้างอิงในงวดต่อไป ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาตลาดซื้อขายจริงในแต่ละช่วง  สำหรับในส่วนของมาตรการข้อที่ 3. นี้  ชาวนาพิจิตรที่ปลูกข้าวเปลือกเจ้ายังมีสิทธิ์ได้โชค 2 ชั้น กล่าวคือ ยังจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 500 บาท แต่ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือคิดเป็นเงินไม่เกิน 10,000 บาท ต่อครัวเรือน ซึ่งก็มีสิทธิ์ได้ในเร็ววันนี้เช่นกัน คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลจะมอบให้กับชาวนาพิจิตรได้เฮกันอย่างแน่นอน

ในส่วนของการเอาจริงเอาจังนั้น พาณิชย์จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบการค้าข้าว เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกร โดยได้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ประกอบการ 5 ราย ที่ ซื้อ-ขายข้าวเปลือก โดยไม่ได้มาตรฐาน เรื่อง เครื่อง- ชั่ง- ตวง -วัด  เปรียบเทียบปรับ รายละ 5,000 บาท  อีกทั้งยังได้ชี้เป้าผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 15 ราย ว่า เป็นผู้ประกอบการที่สุจริตเชื่อถือได้อีกด้วย

 

สำหรับเกษตรากรท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการประกันรายได้ การซื้อขายข้าวเปลือกตามนโยบายของรัฐบาล สามารถโทรสายด่วนได้ที่ 1569 ในวันและเวลาราชการ หรือ โทร 056-990380  หรือที่ เฟซบุ๊ก:พาณิชย์จังหวัดพิจิตร