วันที่ 1 มีนาคม 2563  เวลา10.30 น. นายแพทย์ณรงค์ สายวงษ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีทอดถวายผ้าป่าสามัคคีเพื่อโครงการโซล่าร์เซล์และจัดสร้างหอผู้ป่วยหลังระยะวิกฤตโรงพยาบาลธวัชบุรี โดยมีพระธรรมฐิติญาณ (หลวงปู่ศรีจันทร์ ปญฺญรโต) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ธรรมยุต) นั่งเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์รวม9รูปร่วมพิธี โดยมีพี่น้องสายบุญหลายจังหวัดหลั่งไหลเข้ามาร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้อย่างเนืองแน่น

 

นายแพทย์ประกาศ เจริญราษฎร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธวัชบุรี กล่าวว่า โรงพยาบาลธวัชบุรีเป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียงในสังกัดของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ให้บริการประชาชนประมาณเจ็ดหมื่นคนในเขตอำเภอธวัชบุรีและอำเภอใกล้เคียง ให้บริการผู้ป่วยนอกประมาณหนึ่งแสนคนต่อปี และให้บริการผู้ป่วยในประมาณสองพันห้าร้อยคนต่อปี โดยให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกมิติสุขภาพอย่างมุ่งมั่น จนมีผลงานตามตัวชี้วัดผลงานและคุณภาพบริการ (Quality and Outcome Framework: QOF)สูงที่สุดของเขตสุขภาพที่7 รวมถึงมีผลงานตามตัวชี้วัดแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุขสูงที่สุดในจังหวัดร้อยเอ็ด

 

ด้วยปัญหาด้านงบประมาณซึ่งโรงพยาบาลธวัชบุรีจัดอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลที่ประสบภาวะวิกฤติทางการเงิน อันเนื่องมาจากมีรายได้ต่อหัวประชากรที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่ำ และมีค่าใช้จ่ายด้านค่าตอบแทนที่สูงมาก จึงเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะวิกฤตทางการเงินดังกล่าว ทางโรงพยาบาลจึงได้มีแนวทางบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง โดยกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้ เช่น การเรียกเก็บชดเชยค่าบริการทางการแพทย์ การจัดตั้งหอผู้ป่วย “สหรักษ์ฟื้นฟู” เพื่อรับดูแลผู้ป่วยหลังระยะวิกฤตจากโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ในส่วนของการลดรายจ่าย ได้แก่ การลดต้นทุนยา ต้นทุนเวชภัณฑ์มิใช่ยาและวัสดุการแพทย์ ต้นทุนวัสดุทันตกรรมลงประมาณร้อยละ10ของการประมาณการ รวมถึงมาตรการประหยัดด้านสาธารณูปโภคโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าซึ่งสูงถึง 150,000-200,000 บาทต่อเดือน หรือประมาณปีละ 2,000,000บาท โดยได้ทำการเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอดประหยัดไฟทั้งหมด มีการกำหนดเวลาเปิดเครื่องปรับอากาศเท่าที่จำเป็น รวมถึงการปรับเปลี่ยนเวลาการซักและอบผ้าผู้ป่วย จากเดิมเวลาประมาณ9.00น.เป็นเวลา 04.00 น. เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีการคิดค่าไฟฟ้าในอัตราสูง (09.00-22.00) ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงประมาณเดือนละ 20,000 บาท

 

นายแพทย์ประกาศ กล่าวต่ออีกว่า ด้วยมาตรการประหยัดด้านสาธารณูปโภคดังกล่าว จะสามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้บ้าง แต่ เนื่องจากโรงพยาบาลธวัชบุรีได้รับจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน และดำเนินการแล้วเสร็จ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 รวมถึงอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีก 1 อาคาร คืออาคารส่งเสริมสุขภาพและอเนกประสงค์(แบบแพทย์แผนไทย/จิตเวชและยาเสพติด) กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563 ทำให้มีการเพิ่มความต้องการการใช้ไฟฟ้าขึ้นอีก ทางโรงพยาบาลจึงต้องวางแผนการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลได้นำปัญหานี้ปรึกษาพระครูวิมลปัญญาคุณแห่งวัดป่าศรีแสงธรรม และโรงเรียนศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพลังงานทดแทน และได้ดำเนินโครงการติดตั้ง โซล่าร์เซลล์ให้แก่โรงพยาบาลของรัฐที่มีปัญหาด้านนี้มาแล้ว เป็นต้นว่าโรงพยาบาลหลังสวน จ.ชุมพร โรงพยาบาลแก่งคอย จ.สระบุรี โรงพยาบาลทุ่งศรีอุดม จ.อุบลราชธานี โรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น และโรงพยาบาลภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ จึงได้มีโครงการติดตั้งโซล่าร์เซลล์ 120 กิโลวัตต์ ซึ่งจะลดค่าไฟฟ้าได้เดือนละประมาณ70,000-80,000บาท ทำให้ประหยัดงบประมาณด้านนี้ปีละประมาณ800,000-900,000 บาท ทั้งเป็นการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ทำให้โรงพยาบาลสามารถนำส่วนลดนี้สนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการสาธารณสุขต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม รวมยอดเงินจากผ้าป่าสามัคคีทุกสายที่มาร่วมทำบุญใหญ่ในการทอดถวายผ้าป่าสามัคคีเพื่อโครงการโซล่าร์เซล์และจัดสร้างหอผู้ป่วยหลังระยะวิกฤตโรงพยาบาลธวัชบุรีในครั้งนี้ได้ยอดเงินทำบุญทั้งสิ้น 4,260,145.44 บาท (สี่ล้านสองแสนหกหมื่นหนึ่งร้อยสี่สิบห้าบาทสี่สิบสี่สตางค์)ทั้งนี้เงินจำนวนดังกล่าวจะได้มอบให้กับทางเจ้าภาพ/ผู้จัดงาน(โรงพยาบาลธวัชบุรี)เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่อไป