เมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.63 ร.ต.ท.สุขสันต์  ปัสสาวะกัง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง รับแจ้งมีเหตุฟ้าผ่ามีพระสงฆ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย และมรณภาพ 1 ราย เหตุเกิดบริเวณกลางทุ่งนาในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.หัวไผ่ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง เมื่อไปพบว่าเหตุดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นกลางทุ่งนาด้านหลังสำนักสงฆ์ป่าเนื้อนาบุญ บริเวณด้านหน้าสำนักสงฆ์มีชาวบ้าน แม่ชี และลูกศิษย์ที่สำนักสงฆ์ยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารย์กันเป็นจำนวนมาก จุดที่เกิดเหตุต้องนั่งรถอีแต๋นเข้าไปโดยมีระยะทางห่างจากสำนักสงฆ์เกือบ 2 กิโลเมตร การเดินทางเข้าไปเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีฝนตกลงมา ทำให้ดินเละ ประกอบกับเป็นทุ่งนาที่เป็นทางขรุขระ ใช้เวลาประมาณกว่า 10 นาที จึงเดินทางเข้าไปถึง

เมื่อไปถึงพบบริเวณที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนาซึ่งกำลังทำเป็นคอกม้าและแปลงปลูกหญ้าให้มา พื้นที่ประมาณ 8 ไร่ บริเวณกลางทุ่งพบมีพระสงฆ์ถูกฟ้าผ่าได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสจำนวน 1 รูป ทราบชื่อคือพระอาจารย์เปรมฤทัย โอสภา อายุ 39 ปี เจ้าอาวาสของสำนักสงฆ์ดังกล่าว มีบาดแผลที่บริเวณศีรษะขนาดประมาณ 1 ซม. ชีพจรอ่อน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งทำ CPR และเร่งนำส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้แต่ไม่ทันมรณภาพในเวลาต่อมา นอกจากนั้น ในที่เกิดเหตุยังพบศพของพระมหาอ๊อฟ หรือ พระมหาสุริยะ  นวดรัมย์ อายุ 21 ปี ศิษย์ก้นกุฎิของพระอาจารย์เปรมฤทัย นอนมรณภาพอยู่ใกล้กันในสภาพมีบาดแผลเปิดที่บริเวณศีรษะ ลำตัวแข็ง ที่บริเวณปลายนิ้วมีร่องรอยไฟระเบิดออกจากปลายนิ้วมือด้านขวา โดยตรวจสอบในที่เกิดเหตุมีโทรศัพท์มือถือร่วงอยู่ในสภาพระเบิดพังยับเยิน และยังมีอุปกรณ์การเดินท่อประปาวางอยู่เป็นจำนวนมาก

จากการสอบถามพระชุมพล  แก่นเกื้อ อายุ 32 ปี พระลูกวัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่อาตมากำลังทำงานอยู่ในสำนักสงฆ์ได้เจอพระอาจารย์เปรมฤทัย เจ้าอาวาส กลับจากซื้อของ ซึ่งตอนนั้นอาตมาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะปกติพระที่วัดจะมีงานทำกันทุกรูป และเจ้าอาวาสก็จะซื้อของมทำงานเป็นประจำอยู่แล้ว จนกระทั่งตอนเย็นมีฝนตกลงมา และได้เวลาที่พระต้องทำวัตรเย็น พระรูปอื่นก็ทำวัตรเย็นตามปกติ แต่เจ้าอาวาสกับพระมหาอ๊อฟไปได้มา ก็เห็นว่าผิดปกติ จึงได้ช่วยกับพระรูปอื่น และลูกศิษย์ที่วัดออกตามหา จนกระทั่งมาพบถูกฟ้าผ่าอยู่ที่กลางทุ่งนาจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือดังกล่าว

ด้านนายบรรเจิด  จันทนเสวี อายุ 51 ปี ลูกศิษย์ของสำนักสงฆ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นตนได้รับแจ้งจากทางสำนักสงฆ์และลูกศิษย์คนอื่นว่าพระอาจารย์กับพระมหาหายตัวไปอย่างผิดปกติ จึงได้ช่วยกันตามหา จนมาพบถูกฟ้าผ่าอยู่ที่กลางทุ่ง ซึ่งป็นที่ที่ทางวัดเตรียมไว้เป็นแปลงปลูกหญ้า สำหรับเอาไว้เป็นอาหารให้ม้า ซึ่งทาสำนักสงฆ์นั้นมีม้าอยู่หลายตัว และทางสำนักสงฆ์อยากเลี้ยงให้เป็นไปตามธรรมชาติ จึงได้หาที่ทำแปลงปลูกหญ้าและเตรียมล้อมรั้วเอาไว้ โดยในการทำงานเตรียมงานทั้งหมดนั้น พระที่สำนักสงฆ์จะทำเองเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนในวันนี้พระอาจารย์กับพระมหา ก็ได้เตรียมอุปกรณ์มาทำงานวางท่อประปากัน ก่อนจะถูกฟ้าผ่ามรณภาพดังกล่าว

นายบรรเจิด กล่าวว่า พอทราบข่าว และเห็นภาพแล้วรู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก เพราะพระทั้งสองรูปนี้ เป็นพระนักพัฒนา มีจิตใจดีงาม ขยัน มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนากว้าง มีฝนตกลงมา และพบโทรศัพท์มือถือระเบิดร่วงอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าเมื่อช่วงเย็นขณะที่พระทั้ง 2 รูป ขี่รถอีแต๋นออกมาทำงาน จู่ ๆ ได้มีลมพัดแรง ฝนตก และมีเสียงฟ้าผ่าลงมา อาจเป็นไปได้ว่าระหว่างที่พระกำลังใช้โทรศัพท์มือถือ หรือพกโทรศัพท์มือถืออยู่ในตัว ก่อนที่ฟ้าจะผ่าลงมาอย่างแรง ทำให้พระทั้ง 2 รูป บาดเจ็บก่อนมรณภาพดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้ส่งศพชันสูตรยัง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อหาสาเหตุของการมรณภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ก่อนหน้านี้สภาพอากาศร้อนจัดมา 2-3 วัน ก่อนที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาได้มีลมฝนตกลงมาในบางพื้นที่ และมีฟ้าร้องฟ้าผ่าลงมา ซึ่งฝนที่ตกลงมาใช้เวลาแค่เพียงแค่ไม่ถึง 30 นาที ก็หยุดเข้าสู่ภาวะปกติ จนกระทั่งมาพบมีพระถูกฟ้าผ่ามรณภาพดังกล่าว