วันศุกร์ ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 22:58 น.

ภูมิภาค

พิษโควิดกระทบหนัก ชาวสุราษฎร์แห่จับจองพื้นที่รับของแจกตั้งแต่เช้ามืด หวังแค่มีข้าวกินประทังชีวิต

วันอาทิตย์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563, 18.40 น.
วันที่ 26 เม.ย. 63 ที่บริเวณถนนริมเขื่อนแม่น้ำตาปี เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ได้มีประชาชนจำนวนกว่า 500 คน นำสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า หมวกนิรภัย ขวดน้ำ ใบไม้ กิ่งไม้ ก้อนอิฐ รองเท้า ถุงผ้า เชือก ไม้ หรือสิ่งของที่หาได้มาวางจับจองพื้นที่บนฟุตบาท เพื่อรอคิวขอรับบริจาค ที่จะมีผู้ใจบุญนำข้าวสารอาหารแห้งมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเคอร์ฟิวจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
โดยชาวบ้านบางราย บอกว่า ก่อนหน้านี้มารอของแจกทั้งวัน แต่ก็ต้องผิดหวังเนื่องจากของหมด วันนี้จึงมาเข้าคิวตั้งแต่เวลาตีห้า ( 05.00 น.)เพื่อจะได้คิวรับข้าวสารอาหารแห้งในช่วงแรกๆ แต่ในช่วงเช้าก็ยังไม่มีผู้ใดนำสิ่งของมาแจกก็ต้องรอคอยความหวังกันต่อไป
 
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พบกับนางสาวจินดา ภิรมย์นก อายุ 59 ปี หรือป้าอ้อยแม่ค้าขายกล้วยปิ้ง ได้หิ้วตะกล้ามาขายกล้วยปิ้งพร้อมบอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนทราบข่าวว่ามีการแจกข้าวสารจึงหิ้วตะกล้ามาขายกล้วยปิ้งและหวังว่าจะได้ข้าวสารไปหุงกิน เนื่องจากที่บ้านข้าวสารหมดแล้วและไม่มีเงินที่จะซื้อข้าวกิน แต่ก็ต้องผิดหวังทางผู้ใจบุญไม่แจก โดยให้คนมาแจ้งว่ามีคนจำนวนมากเกินไปไม่กล้าแจกข้าวสาร จากนั้นป้าอ้อยจึงพาผู้สื่อข่าวไปดูที่บ้าน
 
โดยป้าอ้อย บอกว่า ตนมีอาชีพขายกล้วยปิ้งและรับจ้างทั่วไป เช่าบ้านเป็นห้องแถวเล็ก ๆ อยู่ในราคาเดือนละ 2,000 บาท อาศัยกัน 5 ชีวิตมีลูกสาวลูกชายและหลานสาววัย 8 ขวบ โดยประกอบอาชีพขายกล้วยปิ้งอยู่ริมถนนศรีวิชัย 26 (ซอยโรงอิฐ) ปากทางซอย 6 ทางเข้าหมู่บ้านรินทอง ซึ่งก่อนจะมีการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ตนมีเงินเก็บอยู่ 2,000 บาทจึงได้สำรองใช้จ่ายไปก่อน  แต่ระยะเวลายาวนานเป็นเดือนเงินหมด ประกอบกับการขายกล้วยปิ้งช่วงนี้ขายไม่ดี บางวันขาดทุนบางวันก็ขายได้กำไร 100 บาท ก็ต้องนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือน ส่วนลูก 2 คนทำงานเป็นลูกจ้างรายวัน รายได้ลดลงกว่าครึ่ง จึงได้รับผลกระทบหนัก โดยเช้าวันนี้ข้าวสารหมดถุงจริงๆ ตนมีเงินติดตัวอยู่แค่ 200 บาท ก็ต้องนำไปลงทุนซื้อกล้วยมาขายหวังจะได้กำไร 100 บาทมาซื้อข้าวกิน เมื่อมีเพื่อนบอกว่าบริเวณนี้เขาจะแจกข้าวสารจึงเดินทางมา 
 
ป้าอ้อย ยังบอกอีกว่า ในแต่ละวันที่ผ่านมาต้องกินกันอย่างประหยัดและกินกันเพียงวันละมื้อ และเช้าวันนี้ตั้งใจว่าหากได้ข้าวสารจะหุงกินกับผัดผักบุ้ง ที่ซื้อมา 2 กำๆละ 10 บาทและแบ่งให้ลูกสาวห่อใส่ถุงไปกินที่ทำงาน  บางวันที่ผ่านมาหลานสาววัย 8 ขวบก็กินข้าวสวยคลุกน้ำปลา ส่วนการช่วยเหลือของภาครัฐไม่เคยได้รับแม้แต่เงินเยียวยาช่วยเหลือ 5,000 บาทเหตุผิดเงื่อนไข ส่วนของแจกเคยได้รับครั้งเดียวที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นไข่ไก่จำนวน 3 ฟองและหน้ากากผ้า 1 ผืน เพียงเท่านั้น
 
ล่าสุดนางสาวนิรมล พร้อมมะลิ  ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้แม่บ้านนำข้าวสาร 1 ถุงพร้อมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำนวน 2 แพ็คมามอบให้  สร้างความประทับใจแก่ป้าอ้อยแม่ค้ากล้วยปิ้งเป็นอย่างมาก.

หน้าแรก » ภูมิภาค