วันที่ 10 พฤษภาคม นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา ประธานกิตติมศักดิ์ สภาหอการค้า จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อได้ระงับการเข้าออกที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร หมู่ 6 ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยระงับการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ความยาว 220 กิโลเมตร รวมทั้งปิดการท่องเที่ยว เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุดหลายฝ่ายเรียกร้องให้พิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อประกอบการค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากในจังหวัดมะริดและมณฑลตะนาวศรี พื้นที่ภาคใต้ของพม่า ยังไม่มีผู้เชื้อติดโควิด-19 แต่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดโดยให้ผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงกักตัว 28 วัน

“สำหรับการปิดจุดผ่อนปรนชั่วคราว มีผลกระทบกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ฝั่งไทยนำไปจำหน่ายที่บ้านมูด่อง โดยเฉพาะน้ำดื่มบรรจุขวด และสินค้าอื่นที่จำเป็นทำให้ชาวบ้านมูด่องต้องไปซื้อที่ อ.ตะนาวศรีหรือ จ.มะริด ขณะเดียวกันทราบว่าการขนส่งสินค้าสัตว์น้ำจาก จ.มะริดที่ส่งไป จ.ระนอง เพื่อนำเข้าประเทศไทยก็มีปัญหาใช้เวลาหลายวัน ขณะที่เส้นทาง180 กิโลเมตร จาก จ.มะริด ถึงด่านสิงขร ปัจจุบันใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง ดังนั้นรัฐบาลควรผ่อนปรนให้มีการขนส่งได้เฉพาะสินค้านำเข้า ส่งออกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน” นายนิพันธ์ กล่าว

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากนำคณะกรรมาธิการหลายคณะเข้ามาศึกษาดูงานที่ด่านสิงขร ซึ่งที่ผ่านมาติดขัดปัญหาในการเปิดด่านพรมแดนถาวรมานานกว่า 10 ปี ล่าสุดทราบว่าทางการเมียนมามีแนวโน้มที่จะเปิดการเจรจาในระดับนโยบายอีกครั้ง เพื่อพูดคุยเรื่องการปักปันเขตแดน ซึ่งอาจมีข้อตกลงร่วมกันบางประการเพื่อให้มีข้อยุติ คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีในการเปิดด่านสิงขรเป็นด่านถาวร ประกอบกับทางการเมียนมาจะเปิดสะพานข้ามแม่น้ำตะนาวศรีที่สร้างใหม่เพื่อเสริมสร้างยุทธศาสตร์การค้า การลงทุนในภาคใต้ของเมียนมาเพื่อเชื่อมกับประเทศไทยที่ด่านสิงขรซึ่งขณะนี้มีความพร้อมทุกด้าน

นายสมเกียรติ เอ่าจีมิด ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการค้าอาหารทะเล จ.มะริด กล่าวว่า ขณะนี้ทางการเมียนมามีความพร้อมในการใช้เส้นทางยุทธศาสตร์จาก จ.มะริดถึงด่านสิงขร โดยจะเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำตะนาวศรีใหม่ในเดือนมิถุนายน นี้ หลังจากก่อสร้างสะพานได้ 95 % สะพานแห่งนี้มีความสำคัญต่อการค้าชายแดนพม่าและฝั่งไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากรองรับน้ำหนักรถบรรทุกได้ 70 ตัน มีผิวการจราจรให้รถวิ่งสวนได้สองช่องทาง ส่วนสะพานเก่าที่ใช้อยู่ปัจจุบันรองรับน้ำหนักได้เพียง 18 ตัน จะต้องต้องรื้อออก หลังจากเปิดใช้สะพานแห่งใหม่.