จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากรมประมงอาจจะมีการอนุญาตเพิ่มพื้นที่การเลี้ยงหอยในอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานีนั้น ดร.ประวีณ จุลภักดี  อาจารย์พิเศษคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจเป็นข้อกำหนดหรือไม่ แต่ถ้าในความเข้าใจคงไม่ใช่อาจเป็นแค่การดำเนินการในส่วนของกรมประมงเพื่อลดความขัดแย้ง แต่ถ้าเป็นมุมมองในส่วนนี้เหมือนกับเป็นการเรียกแขกในกลุ่มของประมงพื้นบ้านที่เข้าใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่สาธารณะ แต่ถ้าตีความในอีกมุมมอง เท่ากับเป็นการเข้าข้างผู้ประกอบการชัดเจน หากอธิบดีมีแนวทางมาเป็นแบบนี้เท่ากับว่าล้าหลังพอสมควร ขณะนี้มี พ.ร.บ.การส่งเสริมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอีกกฎหมายที่พี่น้องใช้ประโยชน์ร่วมกันในการดูแลฟื้นฟูอนุรักษ์ในการใช้ประโยชน์ร่วมกัน กฎหมายตัวที่ 2 คือกฎหมาย ศรชล.(ศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล) ในการกระทำใดๆจะอาศัยกฎหมายของกรมประมงอย่างเดียวคงไม่ได้เพราะองค์ประกอบมีกระบวนการสิทธิตามรัฐธรรมนูญไปเกินไกลกว่าที่จะใช้กฎหมายตัวใดตัวหนึ่ง มาจัดการกับทรัพยากรของส่วนรวม

 

ณ วันนี้ในพื้นที่อ่าวบ้านดอนมีการอนุญาตพื้นที่เลี้ยงทั้งหอยแมลงภู่ /หอยแครง/หอยนางรม ได้รับอนุญาตโดยคณะกรรมการประมงจังหวัดโดย ผวจ.สุราษฎร์ธานีใน ปี 2560 มีการอนุญาต 39,800 กว่าไร่ มีการตั้งอนุกรรมการมีประมงจังหวัดเป็นอนุกรรมการและชัดเจนว่าพื้นที่ อ.เมือง และ อ.พุนพิน ไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงหอยแครงเป็นพื้นที่ ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำวัยอ่อนบางฤดูกาล การที่อธิบดีกรมประมงให้แนวทางมาแบบนี้ไม่ใช่แนวทางใหม่ หากมีการอนุญาตให้เพาะเลี้ยงเพิ่มเติม คิดว่าชาวประมงพื้นบ้านไม่ยอมเท่ากับเป็นการลิดรอนสิทธิทำกินของชาวบ้าน จึงไม่ควรที่จะอนุญาตเพิ่มเติม

 

ดร.ประวีณ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่เลี้ยงหอยในพื้นที่ไม่รับอนุญาตเมื่อมีคำสั่งจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.63 ที่ผ่านมาทราบว่าหลายคนแสดงสปริตของตัวเองร่วมมือกับทางราชการรื้อคอกหอยตัวเองไปบ้างแล้ว