วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 18:12 น.

ภูมิภาค

ถนนอันตราย! กระบะเสียหลักพุ่งชน รถบรรทุกน้ำมัน ตกคูน้ำข้างทาง

วันศุกร์ ที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 18.24 น.
วันที่ 3 ก.ค.63 เวลา 12.30 น. ร.ต.อ.บัณฑิต ทรัพย์คง รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ มีรถยนต์กระบะเสียหลักลื่นก่อนสะบัดไปตัดหน้ารถสิบล้อบรรทุกน้ำมัน พลิกคว่ำหมุนตกลงไปหงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่ภายในคูน้ำ และทำให้รถบรรทุกที่พยายามเหยียบเบรกหยุดรถพุ่งตกลงไปยังในคูน้ำด้วย
 
เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ในช่องทางสายหลัก พื้นที่ ม.13 ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ช่วงตอนจากบริเวณหน้าวัดทดราษฎร์เจริญมณีฤทธิ์ มายังสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 ด้านฝั่งขาเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะแบบแค็บ ทะเบียน ฒห-3914 กรุงเทพฯ ตกถนนลงไปนอนหงายท้องพาดอยู่ระหว่างขอบทางถนนสายหลักและขอบทางคู่ขนาน สภาพพังยับเยิน และพบรถยนต์บรรทุกสิบล้อแบบมีถังบรรทุกวัตถุไวไฟ (น้ำมันเชื้อเพลิง) ยี่ห้อฮีโน่ หัวสีขาว หมายเลขทะเบียน 83-7256 สมุทรปราการ พุ่งตกถนนจนส่วนหัวทิ่มปักลงไปในคูน้ำใกล้กันกับคู่กรณี มีส่วนท้ายรถยื่นออกมาปิดขวางถนนบนช่องทางสายหลักจนไม่สามารถใช้สัญจรผ่านได้ 1 ช่องทางจากทั้งหมด 2 ช่องจราจรด้านฝั่งขาเข้า
 
สอบถาม นายปรีชา หินวิเศษ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ม.10 ต.โนนสง่า อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด คนขับรถยนต์กระบะที่พยายามใช้เท้าถีบกระจกจนแตกและคลานออกมาจากตัวรถได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ได้ขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ 80-90 กม./ชม. บนช่องทางด้านขวาสุด เมื่อมาถึงยังที่เกิดเหตุ รู้สึกตัวว่ารถมีอาการสะบัดที่ด้านท้าย ครั้งแรกเข้าใจว่ายางรถระเบิด
 
แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว ยางรถไม่ได้ระเบิด แต่ตัวรถได้มีอาการเซถลาออกมายังฝั่งเลนด้านซ้าย ซึ่งมีรถบรรทุกขับอยู่บนเส้นทาง ก่อนที่ตัวรถจะหมุนไปเฉี่ยวยังที่กันชนหน้าของรถบรรทุก โดยที่ตนได้พยายามที่จะประคองพวงมาลัยให้หันไปทางตรงแล้ว แต่พวงมาลัยหรือคันบังคับรถนั้นมีลักษณะฝืนดึงที่จะไปทางซ้าย ก่อนที่ตัวรถจะหมุนพลิกคว่ำตกลงไปในคูน้ำดังกล่าว
 
ด้านนายณัฐวุฒิ งามล้อม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.2 ต.ตะโกทอง อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ คนขับรถยนต์บรรทุก กล่าวว่า สภาพถนนในบริเวณนี้มองดูแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าถนนมีช่องทางการสัญจรแคบไป พอรถบรรทุกขับตีคู่กันมาบนเส้นทางพร้อมกัน จึงดูเหมือนตัวรถแทบจะเบียดกันมา เพราะเต็มเส้นทางทั้งสองเลนจึงอาจทำให้รถเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ รวมถึงการออกแบบถนนบริเวณนี้ ไม่ทราบว่ามีความลาดเอียงเกินไปหรือไม่ เพราะเวลาขับรถผ่านมีความรู้สึกว่าตัวรถมีความเอียงอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะรถกระบะทรงสูง จะเหมือนกับว่ามีเม็ดกรวดทรายอยู่ที่พื้นทำให้ลื่น แต่บนพื้นจริงๆ ไม่มี 
 
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับถนนสาย 304 ช่วงตอนฉะเชิงเทรา-เสม็ดเหนือ กรมทางหลวงได้มีโครงการก่อสร้างขยายถนนจาก 4 ช่องจราจรไปกลับเพิ่มเติม หรือเดิมมีเส้นทางสัญจรด้านละ 2 ช่องจราจร มาเป็นถนนแบบมีช่องทางขนาน 8 ช่องจราจรไปกลับ และมีสะพานข้ามทางสามแยกเข้าวัดสมานรัตนาราม ระหว่างหลัก กม.ที่ 75+500 ไปจนถึง กม.ที่ 81+000 รวมระยะทางประมาณ 5.5 กม.
 
มีสัญญาจ้างเลขที่ สท.2/17/2561 ลงวันที่ 23 ม.ค.61 เริ่มต้นสัญญา 24 ม.ค.61 สิ้นสุดสัญญา 14 พ.ย.62 ด้วยเงินงบประมาณ 1,487,500,000 บาท โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 660 วัน ซึ่งหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จมาได้ประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมา ถนนบริเวณดังกล่าวได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแบบซ้ำซากและต่อเนื่องหลายครั้ง โดยเฉพาะด้านฝั่งช่องทางขาออกมุ่งหน้าไปยัง อ.บางคล้า ที่มักจะเกิดอุบัติเหตุ มีรถยนต์ลื่นไถลพุ่งตกลงข้างทางบ่อยครั้ง และหลายครั้งได้ส่งผลทำให้เกิดอุบัติซ้ำซ้อนชนท้ายกันแบบเรียงแถวนับสิบคัน โดยในบางวันที่มีฝนตกพรำลงมาได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นพร้อมกันในหลายจุดบนถนนในบริเวณดังกล่าวนี้ จนทำให้มีผู้เสียหายรวมนับร้อยรายแล้ว ทั้งที่ก่อนการปรับสร้างขยายถนนอุบัติเหตุลักษณะดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก

หน้าแรก » ภูมิภาค