ชุดเฉพาะกิจพญาเสือบุกสำนักสงฆ์ถ้ำพระมโน จับพระเลี้ยงสัตว์คุ้มครองจำนวนมาก อ้างมีชาวบ้านนำมามอบให้
         

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 22 พ.ย.63  นายพนัชกร โพธิบัญฑิต หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  นำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณสำนักสงฆ์ถ้ำพระมโน หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร หลังได้รับร้องเรียนว่าที่สำนักสงฆ์แห่งนี้จับสัตว์ป่าคุ้มครองมากักขังไว้จำนวนมาก
 

จากการตรวจสอบพบว่าสำนักสงฆ์ดังกล่าวอยู่ติดกับเชิงเขา โดยมีการนำสัตว์ป่าคุ้มครองจำนวนมากมาขังไว้ในกรงเหล็ก และกรงตาข่าย เลี้ยงไว้รอบๆสำนักสงฆ์ โดยมีพระประเสริฐ ธมมปาโล หรือ นายประเสริฐ บุญช่วย อายุ 55 ปี พระลูกวัดรับเป็นเจ้าของผู้ดูแลสัตว์ป่าทั้งหมด
         

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่มีเอกสารการขออนุญาตครอบครองสัตว์ป่าดังกล่าว จึงทำการตรวจยึดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 9 ชนิด จำนวน 25 ตัว ได้แก่ นกเงือกกรามช้าง 4 ตัว  นกเงือกหัวแรด 2 ตัว  งูเหลือมลายพรหม 4 ตัว นกเขาเขียว 3 ตัว  ไก่ฟ้าหลังเทา 2 ตัว  ค้างคาวแม่ไก่ 7 ตัว  เหยี่ยวผึ้ง 1 ตัว  นกแขกเต้า 2 ตัว

เจ้าหน้าที่สอบสวน พระประเสริฐ ธมมปาโล ให้การว่าสัตว์ป่าทั้งหมดมีชาวบ้านนำมาปล่อยและให้เลี้ยงด้วยความสงสารจึงเลี้ยงไว้ บางตัวชาวบ้านก็หามามอบให้เพื่อมีคู่ผสมพันธุ์  โดยเฉพาะงูเหลือมทั้ง 4 ตัว เนื่องจากไปกินไก่ชาวบ้านแล้วชาวบ้านจับมาปล่อยขังไว้ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ เพื่อเลี้ยงดูไม่ให้ออกไปกินสัตว์เลี้ยง  โดยไม่ได้ไปล่าหรือเพื่อค้าขายแต่อย่างใด  

หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อมากนักเนื่องจากมีสัตว์ป่าคุ้มครองกักขังไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะนกเงือกกรามช้าง นกเงือกหัวแรด ไก่ฟ้าหลังเทา  ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายากมากในป่าธรรมชาติ จึงตรวจยึดสัตว์ป่าของกลางทั้งหมด พร้อมกับนำพระประเสริฐส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีในข้อหามีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน นายพนัชกร โพธิบัญฑิต หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่าได้มีกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนร้องเรียน พร้อมถ่ายภาพและคลิปภาพ ร้องเรียนว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้จับสัตว์ป่าคุ้มครองมาขังไว้จำนวนมาก จึงได้นำกำลังลงพื้นที่มาตรวจสอบก็พบเป็นจริงตามที่ร้องเรียน เบื้องต้นพระที่รับเป็นเจ้าของและผู้เลี้ยงบอกว่ามีชาวบ้านนำมาปล่อยและมอบให้จึงต้องเลี้ยงไว้ด้วยความสงสาร ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่อย่างไรนั้นก็ว่ากันไป แต่ถือว่าผู้เลี้ยงมีความผิดฐานมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.