เมื่อเวลา11.00 น.วันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่8 ถนนพิชัย ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านของยายกิมฟา แซ่เลี้ยง อายุ 79 ปี หลังทราบข่าวว่ายายกิมฟา และลูกชายคือนายบุญรอด เบญจกุล ยังซึ่งสืบทอดอาชีพ ทำตะเกียงน้ำมันก๊าดจากกระป๋องนม และอาชีพช่างบัดกรี ยายกิมฟาเล่าว่า สืบทอดอาชีพจาก พ่อแม่ มาตั้งแต่อายุ 19 ปี โดยขั้นตอน คือ น้ำกระป๋องนมมาเปิดปากกระป๋อง ล้างให้สะอาด เพื่อทำเป็นตัวตะเกียง

จากนั้นตัดโลหะแผ่นเรียบตัดเป็นวงกลม เจาะรูตรงกลาง แล้วนำมาเชื่อมต่อกัน ส่วนฝาจะล้างทำความสะอาด ทำเป็นแผ่นวงกลมขนาด 1 นิ้ว และนำวงกลมที่ได้มาขึ้นรูป ในเครื่องขึ้นรูปด้วยมือ แล้วนำมาเชื่อมต่อกับตัวตะเกียง ปัจจุบัน ทำตะเกียง 2 แบบ คือ แบบต่ำซึ่งทำจากกระป๋องนมทำเป็นทรงเตี้ยมีหู และแบบสูงคือจะมี 2 ส่วนคือส่วนของตัวตะเกียงและเชื่อมต่อแกนกับส่วนของฐานล่างที่ใส่ทรายเพื่อถ่วงให้ตะเกียงตั้งได้ สำหรับการทำตะเกียงทรงเตี้ยกับทรงสูงจะทำไม่เหมือนกัน การทำตะเกียงทรงสูงจะต้องนำแผ่นสังกะสีมาตัดและเชื่อมขึ้นรูปเป็นทรงกรวยจากนั้นจะนำแผ่นสังกะสีมาเชื่อมปิดด้านล้างและนำสังกะสีเจาะรูตรงกลางมาเชื่อมปิดด้านบน

จากนั้นจะนำกระป๋องนมมาตัดให้เป็นรูปวงกลมและเชื่อมต่อให้เป็นทรงสำหรับทำเป็นฐานเมื่อทำทั้งสองส่วนแล้วก็จะนำมาเชื่อมประกอบเข้าด้วยกันโดยจะมีแกนกลางเมื่อประกอบเสร็จก็จะนำทรายใส่บริเวณฐานล่างจากนั้นจะปิดด้วยฝาที่ทำขึ้นมาจากสังกะสีอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ตะเกียงทรงสูงสามารถตั้งได้และที่ใส่ทรายไว้เพื่อให้ตระเกียงทรงตัวได้ไม่ล้ม

ยายกิมฟา ยังเล่าเพิ่มอีกว่าปัจจุบันในจังหวัดสุโขทัยน่าจะเหลือที่บ้านตนแห่งเดียวที่ยังคงยึดอาชีพทำตะเกียงจากกระป่องนมด้วยวิธีแบบโบราณที่ได้สืบทอดมาจากพ่อแม่ จนมาถึงรุ่นลูกชายตนก็เป็นรุ่นที่3แล้ว ส่วนลูกค้าก้จะมีทั้งในจังหวัดสุโขทัยและต่างจังหวัดที่สั่งจองตะเกียง โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวจะมีลูกค้าสั่งจองตะเกียงเข้ามามากกว่าช่วงปกติ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลข 063-997-1066