หนุ่มวัย 38 ปี ใช้รากต้นไทรผูกคอเสียชีวิตอย่างปริศนา ติดกับราวบันใดพญานาคภายในวัด อ.สตึก บุรีรัมย์ ชาวบ้านลือ”ต้นไทรอาถรรพ์ เพราะมีคนเคยชักกระตุกตายใต้ต้นไทรมาแล้ว เจ้าอาวาสวัดเผย เคยมีซินแสมาทักให้สร้างรูปปั้นพญานาค เพราะมีพญานาคอยู่ในสระน้ำ เชื่อผู้ตายอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือลบหลู่

วันที่ 1 ก.พ.64 เมื่อเวลา 15.00 น. ร.ต.อ. การุณ จันทร์ดอก รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากนายทองปาน โพธิ์ล้อม อายุ  58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองบัวเจ้าป่า ม.5 ต.สตึก  ว่ามีคนผูกคอตายภายในวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวร โรงพยาบาลสตึก และเจ้าหน้าที่กู้ภัยวังกรูดสตึก

ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ต้นไทรภายในวัด ติดกับศาลาพญานาค ซึ่งสร้างเป็นราวเดินไปสระน้ำ เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ พบศพชายทราบชื่อ นายเรืองเดช  สีชา อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 ม.6 ต.สูงเนิน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ใช้รากของต้นไทรที่ย้อยลงมา ผูกคอตัวเองเสียชีวิตในท่านั่งบนม้าหินอ่อน

ในสภาพไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้น บริเวณรอบคอมีรอยถลอก ไม่พบบาดแผลตามร่างกายและร่องรอยการต่อสู้ คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 2 ชม. และยังพบสุนัขพันธุ์ อเมริกันพิทบูลเพศผู้พันธ์  ลูกผสมยืนเฝ้าและเห่าศพผู้ตายตลอดเวลา ทราบต่อมาสุนัขตัวดังกล่าวเป็นของผู้เสียชีวิต

นายทองปาน ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นคนเห็นคนแรก เล่าว่า ช่วงบ่ายเข้ามาดูงานภายในวัด  เดินมาเห็นคนนั่งอยู่ม้าหินอ่อน คิดว่ามานั่งเล่น เมื่อมาดูใกล้ๆ พบว่ามีรากไทรผูกคอ และพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะยืนขึ้นบนม้าหินอ่อนแล้วดึงเอารากไทร ที่ห้อยอยู่ มาผูกคอตัวเอง แล้วหย่อนตัวลงจนรากไทรรัดตัวเองเสียชีวิต  ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ชายดังกล่าวมารับจ้างภายในหมู่บ้าน มักนำสุนัขและวิทยุมานั่งฟังเพลงภายในวัดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ทราบถึงสาเหตุของการผูกคอตัวเองเสียชีวิต

ผู้ใหญ่บ้าน เล่าด้วยว่า  เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ได้มีนายคำพันธ์ ฐานะ ชาวบ้านในหมู่บ้าน ชักกระตุกตายต่อหน้าต่อตาชาวบ้าน ขณะนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออกเพื่อจับปลาในสระใกล้ที่เกิดเหตุ

ตอนนี้ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่า การผูกคอตายในครั้งนี้กับการชัดกระตุกตายก่อนหน้านี้ของชาวบ้าน น่าจะเกิดจากการทำผิดหรือไปทำการลบหลู่สถานที่ซึ่งมีพญานาค อาศัยอยู่

เนื่องจากวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นถิ่นของชาวกุย(ชาวส่วย)  ก่อนจะออกไปคล้องที่ประเทศเพื่อนบ้าน(กัมพูชา) ต้องทำพิธีแม่มดขอเบิกทางเพื่อให้ชายฉกรรจ์ประจำหมู่เดินทางไปคล้องช้างดินแดนกัมพูชา ต้องใช้เวลานานกว่า  5-6 เดือน เป็นตายหรือดีก็ไม่ทราบจนกว่าจะเดินทางกลับบ้านมาพร้อมช้างป่า และนำมาเลี้ยง จนได้ชื่อว่า บ้านหนองบัวเจ้าป่า จนทุกวันนี้

ด้านพระอธิการประสพ  ศิริจัน.โท  เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า  กล่าวว่า ก่อนจะมีการสร้างพญานาคอยู่ริมสระ เนื่องจากเคยเห็นรูปลักษณ์คล้ายพญานาคลอยคออยู่เหนือน้ำ  ในตาแดงกล่ำ  จึงเดินเข้ามาดูใกล้ๆพญานาคกลับมุดลงน้ำไป กระทั่งมีซินแสจากตัวเมืองบุรีรัมย์ มาดูตำราบอกว่า มีองค์พญานาคประทับอยู่สระแห่งนี้  ค่อยปกปักรักษาอาณาเขตสระน้ำแห่งนี้ไว้  จึงได้ระดมชาวบ้านได้สร้างศาลพญานาค และรูปปั้นพญานาคไว้ดูแลประจำสระน้ำแห่งนี้