วันที่ 21 มิ.ย.64 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางต้อย (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ชาว ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ตนเองได้เดินทางไปพบกับภาพอันสุดสะเทือนใจของคนรักสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะตนเองที่ชอบเลี้ยงสุนัข และเป็นคนรักสุนัข หลังจากได้ออกไปเดินหาเก็บของเก่าที่บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ด้านฝั่ง ต.บางตีนเป็ด ถนนสายเลี่ยงเมือง (ถนนสาย 365) อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ที่มักจะมีคนนำเอาของเก่าเหลือใช้มาวางทิ้ง

 

 

รวมถึงศาลเจ้าศาลพระภูมิ และในบางครั้งยังมีของมีค่าหลงติดมาด้วย เช่น เครื่องรางของขลัง และพระเครื่อง แต่เมื่อได้เดินเข้าไปใกล้กับขอบสะพาน พบกลับได้กลิ่นเหม็นสาบเหมือนซากศพ หรือซากสัตว์ใหญ่ตายโชยออกมาจากกอหญ้าริมข้างทาง จึงได้เดินเข้าไปดูใกล้ๆ จนต้องพบกับภาพอันน่าสะเทือนใจถึงที่สุดและตกใจมาก เพราะแหล่งที่มาของกลิ่นสาบสางที่โชยออกมานั้น

 

คือ กองของหัวสุนัขจำนวนมหึมา ที่ถูกนำมาเททิ้งไว้เป็นจำนวนมากนับร้อยหัว จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของพ่อค้าเนื้อสัตว์ ที่อาจจะแอบตระเวนจับสุนัขเพื่อไปเชือดแร่เนื้อขายปะปนมากับเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ทั้งหมูและวัว ก่อนที่จะนำเศษซากที่เหลือมาเททิ้งเพื่อไม่ให้คนรู้ว่าเป็นเนื้อของสุนัข และในบริเวณเดียวกันนี้ห่างเข้าไปยังบริเวณตอม่อใกล้จะถึงแนวตลิ่งริมแม่น้ำบางปะกง ยังมีถุงใส่กระดูกสัตว์อีกจำนวนมาก ถูกนำมาโยนทิ้งไว้อีกด้วย

 

 

โดยลักษณะที่พบเป็นกระดูกของสัตว์ที่ค่อนใหญ่ เนื่องจากกระดูกมีชิ้นขนาดใหญ่หลายชิ้น ซึ่งอาจเป็นกระดูกสะโพกหรือท่อนขาของสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ด้วย เมื่อได้มาเห็นภาพเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นกับตา จึงทำให้ตนเองไม่กล้าที่จะซื้อเนื้อสัตว์ในตลาดมาบริโภคอีกแล้ว หรือไม่กล้าที่จะไปกินหมูกระทะต่อไปอีกเลย เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะถูกนำเอาเนื้อสุนัขมาขายปนอยู่กับเนื้อสัตว์ทั่วไปที่ชาวบ้านนิยมบริโภค

 

ซึ่งหากจะซื้อเนื้อสัตว์มากิน จะต้องได้เห็นหนังที่ติดมากับเนื้อด้วยว่าเป็นเนื้ออะไรที่ชัดเจน และตนจะไม่กล้าไปจะซื้อเนื้อสัตว์ใหญ่มากินเด็ดขาด โดยเฉพาะลูกชิ้นและหมูเนื้อแดงจะขอไม่เอาเลย หากยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการตรวจสอบหรือค้นหาแหล่งที่มาของกะโหลกสุนัขกองนี้ว่ามาจากแหล่งใด และที่น่าสยดสยองที่สุด คือ กะโหลกของสุนัขบางตัวยังดูใหม่สดๆ เนื่องจากยังคงมีลูกตาถลนออกมาจากเบ้าติดมากับหัวกะโหลกด้วย นางต้อย กล่าว