จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกระดาษของบริษัท ชัยสิทธิ์บรรจุภัณฑ์และแกนกระดาษ จำกัด ซึ่งได้ประกอบธุรกิจผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกและรับปะกบลูกฟูกเข้ากับออฟเซทและไดคัท ตั้งอยู่ในซอยวัดบางบ่อ เลขที่ 195 หมู่ 3 ถนนบางนา-ตราด กม. 29  ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟฟ้าลัดวงจร และจากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 ราย คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท  

 

         

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบว่า ได้มีเจ้าหน้าที่นำรถดับเพลิงจากกองงานป้องกันและสาธารณภัยเทศบาลตำบลบางบ่อกำลังฉีดน้ำเข้าไปในกองกระดาษเพื่อป้องกันความร้อนระอุขึ้นมาใหม่และได้ใช้รถแบ็คโฮ คุ้ยเขี่ยกองกระดาษเพื่อลดความระอุของกระดาษที่อาจจะระอุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

 

 

โดยนายพชร ศศิชาชยามร  หัวหน้า ปภ.จ.สมุทรปราการ กล่าวถึงความคืบหน้าของเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานกระดาษ หรือ  บริษัท ชัยสิทธิ์บรรจุภัณฑ์และแกนกระดาษ จำกัด  ว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบเพลิงให้สงบลงได้ แต่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการประทุขึ้นมาอีก บริษัทฯ นี้ มีพื้นที่ประมาณ 18 ไร่  ส่วนเป็นโรงงานที่ถูกไฟไหม้เสียหายไปประมาณ 1 ไร่เศษ คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนมูลค่าเป็นตัวเงินต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง  สำหรับเจ้าหน้าที่ของอาสาสมัครมูลนิธิฯ ที่ได้รับบาดเจ็บ 5 คน และเป็นเยาวชน อายุ 12 ปี 1 คนนั้น ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บที่ส่วนขา ไม่มีใครอาการสาหัส ต่อจากนี้ ทางจังหวัดสมุทรปราการ คงต้องนำเรื่องพิจารณา ถึงกฎเกณฑ์ มาตรการฝึกอบรม พูดคุยเรื่องแนวทางปฏิบัติ ด้านความปลอดภัย เพราะไม่ต้องการให้เหมือนเหตุการณ์ของโรงงานหมิงตี้ อ.บางพลี  ดังนั้น จึงขอความร่วมมือ หากใครที่ยังไม่ได้ผ่านการฝึกอบรม ก็ขออย่าเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะเกิดเพลิงไหม้ เพราะจังหวัดสมุทรปราการ มีโรงงานขนาดใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก ครั้งนี้โชคดี ที่โรงงานกระดาษ ไม่มีวัตถุหรือสารเคมีอันตราย ที่ก่อให้เกิดมลพิษ และทิศทางลม ไม่ได้พัดไปทางโรงพยาบาลรวมชัยประชารักษ์ ที่อยู่ใกล้เคียง จึงไม่มีผลกระทบใด ๆ กับบ้านเรือนและทรัพย์สินประชาชน ไม่ต้องอพยพออกนอกพื้นที่ ในส่วนของผู้บาดเจ็บ 5 คน ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาเป็นส่วนใหญ่ มีที่เจ็บมากหน่อยก็คือมีอาการปวดคอ ทั้งหมด 5 คน ไม่มีใครอาการสาหัส จากที่รับรายงานล่าสุด 

 

 

ส่วนในเรื่องของสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าดำเนินการตรวจสอบก่อน ขั้นตอนต่อไป ต้องให้หน่วยงานท้องถิ่นคือ อบต.เข้าไปตรวจสอบการใช้อาคารว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ และต้องให้ผู้ประกอบการดูเรื่องความมั่นคงแข็งแรง โครงสร้างของตัวอาคาร ก่อนเข้าไปใช้ เนื่องจากจะมีความเสียหายบางส่วน และโยธาธิการ ของท้องถิ่น ต้องเข้าไปตรวจสอบก่อนอนุญาตให้ใช้งานด้วย  พร้อมทั้งฝากถึงประชาชน ที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงงานขนาดใหญ่ หากเห็นถึงความไม่ปลอดภัย กรุณาแจ้งได้ที่หน่วยงานของท้องถิ่น หรือแจ้งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้โดยตรง ขณะนี้จังหวัดสมุทรปราการ กำลังจัดทำแผนความเสี่ยง เพื่อจะเข้าไปควบคุมโรงงานขนาดใหญ่ ไม่ให้เกิดปัญหาเพลิงไหม้ในช่วงฤดูหนาวนี้ที่มีอากาศแห้ง และฝากถึงผู้ประกอบการโรงงาน ขอให้ช่วยดูแลระบบความปลอดภัยให้ดี อย่าให้มีปัญหาผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ