ไฟไหม้โกดังเก็บสินค้ามือสองขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างตลาดโรงเกลือ 500 เมตร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไว้ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำลักควันไฟได้รับบาดเจ็บต้องหามส่งโรงพยาบาลอรัญประเทศ

เมื่อเวลา 19.30 น.ของคืนวันที่ 13 ม.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้รับแจ้ง เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โกดังเอกอิน เลขที่ 89 หมู่ 7 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว (ตรงข้ามห้างสรรพสินค้า Big C Supercenter สาขาตลาดโรงเกลือ) ห่างตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ ประมาณ 500 เมตร ซึ่งหลังรับแจ้งจึงประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำไปยังเทศบาลเมืองอรัญประเทศ, เทศบาลตำบลป่าไร่ และพื้นที่ใกล้เคียง มาสนับสนุนในการดับเพลิง พร้อมประสาน พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภ.คลองลึก เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โดยที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่  สินค้าประเภท กระเป๋า จักรยาน รองเท้ามือสอง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลา 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยมีรถดับเพลิงกว่า 10 คัน เตรียมความพร้อมสนับสนุน  ซึ่งหลังจากควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ยังมีควันจำนวนมากอยู่ในโกดัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงต้องระดมฉีดน้ำเลี้ยงไว้ แต่ขณะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลเมืองอรัญประเทศกำลังทำการฉีดน้ำดับเพลิงอยู่นั้น ได้เกิดมีมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 นาย ได้สำลักควัน ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลอรัญประเทศเป็นการด่วน

หลังเกิดเหตุ นายชนาธิป โคกมณี นายอำเภออรัญประเทศ ได้เดินทางมาบัญชาการ ณ จุดเกิดเหตุ มีหน่วยที่เข้าระงับเหตุประกอบด้วย เทศบาลเมืองอรัญญประเทศ, เทศบาลตำบลป่าไร่,เทศบาลตำบลฟากห้วย,เทศบาลตำบลบ้านใหม่หนองไทร,สถานีตำรวจภูธรคลองลึก,ที่ทำการปกครองอำเภออรัญประเทศ,มูลนิธิกู้ภัยอรัญประเทศ,กองกำกับการตำรวจตะเวนชายแดนที่ 12,ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ,มูลนิธิสว่างเที่ยงธรรมอรัญประเทศ, มณฑลทหารบกที่ 19,จิตอาสาในพื้นที่และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า โกดังที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บสินค้า ประเภทสินค้ามือสอง มีทั้ง รองเท้า จักรยาน โซฟา เก้าอี้ มี นางสาวเปรมกมล ฝอยทอง อายุ 27 ปี เป็นผู้เช่าเก็บสินค้า ส่วนเจ้าของโกดังชื่อ เอกไพลิน สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เวลา 20.00 น.สามารถ ควบคุมเพลิงไว้ได้ ในเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทางด้านมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน ซึ่งคาดว่าไม่ต่ำกว่า ห้าแสนบาท.