วันที่ 15 ม.ค.65 ที่โรงเรียนเทศบาลเมือง1 บ้านท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร  เจ้าหน้าที่ประจำเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งอำเภอเมืองชุมพร ได้แก่ ตำบลทำตะเกา, ตำบลนาทุ่ง, ตำบลบางหมาก, ตำบลท่ายาง, ตำบล ปากน้ำ, ตำบลหาดทรายรี, ตำบลนาชะอัง, ตำบลวังไผ่, ตำบลทุ่งคา, ตำบลวิสัยเหนือ, ตำบลชุนกระทิง, ตำบลตากแดด  จำนวนหน่วยเลือกตั้ง 181 หน่วย  และ อำเภอสวี ได้แก่ ตำบลสวี, ตำบลปากแพรก, ตำบลครน, ตำบลวิสัยใต้, ตำบลนาโพธิ์, ตำบลท่าหิน,ตำบลด่านสวี, ตำบลนาสัก และตำบลทุ่งระยะ  จำนวนหน่วยเลือกตั้ง 99 หน่วย ทยอยเดินทางมาตรวจรับอุปกรณ์ หีบห่อ เกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้เพื่อนำไปจัดเก็บในสถานที่ที่ปลอดภัย ของวันนี้ และจะนำมาเปิดทำการให้ลงคะแนนเสียงตามคูหาประจำหน่วยของตนที่รับผิดชอบ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น

 

ในขณะที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมคณะได้เดินทางมิดตามและตรวจสอบความพร้อมการเลือกตั้ง ส.ส.ชุมพร เขต 1 ที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านท่าตะเภา) ตำบลท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร ที่มีการมอบหีบบัตรและอุปกรณ์การเลือกตั้ง ให้กับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งต่างในเขต 1 พร้อมกับเดินทางทักทายให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานการเลือกตั้ง

         

นายอิทธิพรให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดผู้ตรวจสอบ ผู้ช่วย ชุดการข่าว ชุดสืบสวน ลงพื้นที่มาตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนเรื่องกระทำความผิดเลือกตั้ง และได้เพิ่มความเข้มโดยการตั้งจุดตรวจ และต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยแจ้งเบาะหากพบมีการกระความผิด เขตเลือกตั้งที่ 1 ชุมพร มี 2 อำเภอ คือ อ.เมืองชุมพร อ.สวี  รวมทั้งหมด 280 หน่วยเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้งใหญ่สุดมีประชาชนมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงประมาณ 800 คน น้อยสุด 200 คน เฉลี่ยโดยรวมประมาณ 500 คน จะสามารถนับคะแนนที่หน่วยเลือกเสร็จประมาณ 1 ทุ่ม แล้วส่งมานับรวมยังศูนย์ปฏิบัติการคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 4 ทุ่ม จะสามารถประกาศผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการได้

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พูดปราศรัยหาเสียงที จ.สงขลา ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง นายอิทธิพร กล่าวว่าในเรื่องนี้เมื่อมีการยื่นคำร้องจึงขอให้ตระหนักในเบื้องต้นก่อนว่าจำเป็นต้องดูให้มีการปฏิบัติตามกระบวนการที่มีอยู่ในระเบียบว่าด้วยการสืบสวนไต่สวน กกต. ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีการยื่นคำร้องแล้ว ขณะนี้ ผอ.กกต.จังหวัด และคณะเจ้าหน้าที่เอกสารคำร้องถ้า รับเป็นคำร้องแล้วก็จะดำเนินการสืบสวน ไต่สวน เรียกบุคคลมาให้ปากคำต่อไป

       

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีพรรคการเมืองนำนโยบายคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการรัฐมาใช้หาเสียงเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามา แต่ กกต.เองก็ตรวจสอบได้ แต่ก็ต้องดูก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ข้อกฎหมายเป็นอย่างไร ต้องดูอย่างละเอียด เป็นเรื่องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งอาจจะมีคำร้องหรือไม่มีคำร้องก็ได้ กกต.