จากกรณี ข่าวจากสังคมโซเซียล ระบุว่า มีเด็กนักเรียน ชั้นประถมปีที่ 5( ป.5.) ในพื้นที่จังหวัดอาจเจริญ ตั้งแก๊งขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน เพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติด จนชาวบ้านสุดทนและเข้าแจ้งตำรวจ นั้น 

วันที่ 2 ก.พ.65  นายทวีป บุตรโพธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน  

ต่อมา นายเฉลิมพล ทองเหลา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายสมุทร บุตรสมศรี ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ พ.ต.อ.นิยม สีหารัตน์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรชานุมาน นายวิทูรย์ ณ.หนองคาย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคำแก้ว – เมืองเก่า นายบำรุง พาหา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านคำแก้ว นายพรอย พุทธรักษา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านเมืองเก่า  คณะครูโรงเรียนบ้านคำแก้ว – เมืองเก่า ผอ.รพ.สต.คำเขื่อนแก้ว และคณะกรรมการหมู่บ้านเมืองเก่าและบ้านคำแก้ว พร้อมทั้งผู้เสียหายที่ตกเป็นข่าว ได้ร่วมประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริง และแนวทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับข่าวที่ปรากฏบนสื่อโซเซียล ณ.อาคารเอนกประสงค์  โรงเรียนบ้านคำแก้ว – เมืองเก่า ต.คำเขื่อนแก้ว อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ  

ผลสรุปจากการประชุมตามข้อเท็จจริง คือ โรงเรียนแห่งนี้ ไม่มีเด็กนักเรียนชั้น ป.5  ตั้งแก๊ง หรือ มีการโจรกรรมทรัพย์สิน หรือมีเด็กติดยาเสพติดแต่งอย่างใด เนื่องจากโรงเรียนนี้ เป็นโรงเรียนสีขาว ข่าวที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ส่วนการลักทรัพย์สินของสหกรณ์โรงเรียน มีเพียงสิ่งของเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงเวลาเรียนตั้งแต่เทอมที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ และทางโรงเรียนได้แก้ไขปัญหาไปแล้ว  

ส่วนนางกัญญาภัทรฯ ซึ่งถูกอ้างว่าได้รับความเสียหาย ได้ชี้แจงและยืนยันในที่ประชุมว่า คนที่ลักทรัพย์สินของตนไปนั้น เป็นญาติของตน มีการไกล่เกลี่ยและชดใช้ค่าเสียหายไปเรียบร้อยแล้ว และเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว 

จากนั้น นายเฉลิมพล ทองเหลา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย นายสมุทร บุตรสมศรี ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอชานุมาน ได้ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านคำแก้ว – เมืองเก่า ต.คำเขื่อนแก้ว อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เพื่อร่วมประชุมติดตามสืบหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยมีนายวิทูรย์ ณ.หนองคาย ผอ.โรงเรียนคำแก้ว – เมืองเก่า นายบำรุง พาหา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 บ้านคำแก้ว นายพรอย พุทธรักษา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านเมืองเก่า และนางสาวบรรณวัลลิ์ มณีพันธ์ นางสาว ขนิษฐา ภูแล่นคู่ ครูประจำชั้นของนักเรียนชั้น ป.5 ที่ตกเป็นข่าว ร่วมให้ข้อมูล  

นายวิทูรย์ ณ.หนองคาย ผอ.โรงเรียนบ้านคำแก้ว – เมืองเก่า ยืนยันว่า ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นไม่เป็นความจริง เพราะนักเรียนที่ตกเป็นข่าว ก็เดินทางมาโรงเรียนเป็นประจำ แต่ไม่เข้าเรียน จะชวนเพื่อน 1 – 2 คน เที่ยวเล่นอยู่ภายในบริเวณโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้มีการอบรมโดยตลอด และในส่วนของการลักขโมยของในสหกรณ์โรงเรียนนั้น เหตุการณ์นี้ ได้เกิดขึ้นมานาน ตั้งแต่ภาคเรียนที่แล้ว ความเสียหายก็เป็นสิ่งของเล็กๆน้อยๆ ประเภทขนม เป็นต้น ซึ่งทางโรงเรียนได้มีการจัดการแก้ไขปัญหา โดยได้แจ้งผู้ปกครองของเด็กที่เกี่ยวข้องมาประชุมรับทราบ และผู้ปกครองยินดีจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ให้กับสหกรณ์โรงเรียนไปแล้ว ปัญหาทุกอย่างจบลงไปด้วยดี ซึ่งทางโรงเรียนมีการประชุมผู้ปกครองนักเรียนเป็นประจำ หากมีปัญหาอะไรผู้ปกครองก็จะรับทราบและหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด จะมีการตรวจสารเสพติดเป็นประจำ ซึ่งไม่พบข้อมูลว่า มีนักเรียนในโรงเรียนเสพยาเสพติดแต่อย่างใด และกรณีที่มีข่าวคนไปขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับนักเรียนโรงเรียนนี้เลย 

 

ด้าน นางสาว บรรณวัลลิ์ มณีพันธ์ และนางสาวขนิษฐา ภูแล่นคู่ ครูประจำชั้นนักเรียนชั้น ป.5 ที่ตกเป็นข่าว ได้เล่าถึงพฤติกรรมของเด็กคนนี้ว่า เป็นเด็กที่พ่อแม่แยกทางกัน เด็กขาดความอบอุ่น อาจจะมีนิสัยก้าวร้าวบ้าง ให้ทำการบ้านหรืองานส่งครู บางทีอารมณ์ดีเขาก็ตั้งใจทำ บางทีก็ทำไม่เสร็จ หรือทำบ้างไม่ทำบ้าง โดยปกติจะมาเรียนเป็นประจำ แต่มีบ้างที่ไม่มา โดยเฉพาะช่วงหลังที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 การเรียนการสอนไม่เหมือนเดิม ก็จะไม่มา ในส่วนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไม่พบแต่อย่างใด  

 

ส่วน นายบำรุง พาหา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 บ้านคำแก้ว และนายพรอย พุทธรักษา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านเมืองเก่า ได้ยืนยันข้อมูลว่า เป็นไปไม่ได้ว่าจะมีเด็กนักเรียนชั้น ป.5 ตั้งแก๊งขโมยทรัพย์สินของชาวบ้าน หรือแม้แต่แก๊งภายนอกโรงเรียนก็ไม่เคยมีในหมู่บ้าน ส่วนกรณีที่มีเหตุลักทรัพย์ในหมู่บ้าน ตามที่เป็นข่าว เกิดขึ้นมานานแล้ว คนที่ขโมยเป็นญาติๆกัน ซึ่งได้ยอมรับและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับการที่เด็กตั้งแก๊งขโมยทรัพย์สินตามที่เป็นข่าว ซึ่งตอนนี้ ผู้ใหญ่บ้านเองก็ได้รับผลกระทบจากข่าวดังกล่าว รวมไปถึงหมู่บ้านและสถานศึกษาก็ได้รับความเสียหายไปด้วย 

 

สำหรับ นักเรียนที่ตกเป็นข่าว ปัจจุบัน ได้ไปอาศัยอยู่กับกับญาติของพ่อเลี้ยงในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลคำเขื่อนแก้ว อ.ชานุมาน ซึ่งทางอำเภอชานุมานและ ผู้อำนวยการโรงเรียนและครูประจำชั้น ได้ติดตามพบว่า เด็กสามารถเข้ากับครอบครัวใหม่ของมารดาและได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ในส่วนของการเรียน ครูประจำชั้น จะติดตามการเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ 5 และจะทำการย้ายไปโรงเรียนใกล้กับที่อยู่ปัจจุบัน ซึ่งจะสะดวกในการดูแลเด็กตามความต้องการของมารดา 

 

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามดูแลและดำเนินการช่วยเหลือในเรื่องความเป็นอยู่และการศึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เด็กมีความเป็นอยู่และมีอนาคตที่ดี เพื่อเติบโตขึ้นเป็นคนดีมีคุณภาพของสังคมต่อไป...