วันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าสรายงานว่าหลังจาก พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8  ได้เดินทางมาร่วมแถลงข่าวกรณีมอบหมายให้ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 รับผิดชอบกำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวน,ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง ภาค 8 ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภาค 8 ,ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ ภาค 8 , ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ภาค 8 ,ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ภาค 8 และศูนย์บริหารจัดการหมายจับ CCOC ภาค 8 เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพลดอาชญากรรมในพื้นที่ ภาค 8 จึงกำหนดให้มีการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย บุคคลพ้นโทษจากการกระทำผิดอาญา (กลุ่มที่ 1 (ชีวิต ร่างกาย) , กลุ่มที่ 2  (เกี่ยวกับทรัพย์) , คดียาเสพติด ,คดีอาญาอื่น เช่นอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ค้าประเวณี โจรกรรมรถ ) ผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ผู้ร้ายสำคัญ และบุคคลที่กระทำความผิดค้ามนุษย์และภาคประมง โดยกำหนดเป้าหมายปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 340 เป้าหมาย ประกอบด้วยเป้าหมาย ภ.จว.กระบี่ จำนวน 50 เป้าหมาย ภ.จว.ชุมพร จำนวน 50 เป้าหมาย ภ.จว.นครศรีธรรมราช จำนวน 60 เป้าหมาย  ภ.จว. พังงา จำนวน 40 เป้าหมาย  ภ.จว.ภูเก็ต จำนวน 40 เป้าหมาย  ภ.จว.ระนอง จำนวน 40 เป้าหมาย และ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี จำนวน 60 เป้าหมาย

 

โดยกำหนดให้ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นระหว่างวันที่ 7-11 มีนาคม 2565  ซึ่งผลการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นของงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8  มีผลดังต่อไปนี้ 1. การปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 388 เป้าหมาย 2. จำนวนบุคคลที่ตรวจ 435 คน  3. จำนวนบุคคลที่จัดเก็บ DNA 376  คน 4. ตรวจค้นจับกุมอาวุธปืน จำนวน 64ราย ผู้ต้องหา 65 คน 5. ตรวจค้นจับกุมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 34 ราย ผู้ต้องหา 33 คน 6. ตรวจค้นจับกุมยาเสพติด จำนวน 292 ราย ผู้ต้องหา 296  คน 7. จับกุมบุคคลตามหมายจับ จำนวน 93 ราย ผู้ต้องหา 93  คน และ 8. ตรวจค้นจับกุมความผิดอื่น ๆจำนวน 24 ราย ผู้ต้องหา 24 คน (การพนัน, อาวุธมีด, การขายสลากเกินราคา ฯลฯ)โดยได้ร่วมแถลงข่าวเมื่อเย็นวานนี้ (15 มี.ค.)ที่ผ่านมา

 

หลังจากนั้น พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง ผบก.ภ.จว.พังงา พล.ต.ต.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ ผบก.ภ.จว.ชุมพร พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.ระนอง และ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฏร์ธานี , รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ เสาไฟอัจฉริยะ  ระบบ sos และ police i lert you เพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนได้ทันท่วงที ตามโครงการ Smart Safety zone 4.0  ณ หน้าร้านเพชรทองชีกวง สี่แยกท่าวัง อ.เมือง จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ให้ดำเนินการนำร่องในพื้นที่รับผิดชอบในภาค 8 จำนวน 15 สถานี   แต่ในส่วน สภ.เมือง นครศรีธรรมราช แม้จะไม่อยู่ในโครงการนำร่อง 15 สถานี แต่ได้ดำเนินการโครงการ Smart Safety Zone 4.0 โดยเลือกถนนใจกลางเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่สถานีรถไฟไปจนถึงสี่แยกพัฒนาการคูขวาง ต.ท่าวัง จ.นครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 2 กม. และได้รับการร่วมมือและสนับสนุนจากเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ติดตั้ง เสาไฟอัจฉริยะ หรือ Smart Pole เป็นแห่งแรกของภาค 8 จากการทอดสอบพบว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกำลังอยูระหว่างการพิจารณาของบประมาณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งการสนับสนุนจากภาคประชาชน เพื่อติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะ หรือ Smart Pole เพิ่มเติมในจุดอื่น ๆ ที่เหมาะสมต่อไป

 

ซึ่งในการตรวจเยี่ยมและทดสอบเสาไฟอัจฉริยะ หรือหรือ Smart Pole ในครั้งนี้มี พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง  มอบหมายให้ พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้อธิบายชี้แจงในรายละเอียดทั้งหมด โดย พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 ได้ทดสอบกดแจ้งเหตุพบว่าสามารถได้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง โดยทางศูนย์รับแจ้งเหตุ สภ.เมือง ได้พูดคุยโต้ตอบกับ ผบช.ภ.8 และเห็นหน้าของผู้แจ้งและเส้นทางในบริเวณใกล้เคียงได้เป็นวงกว้างและชัดเจน ทำให้การวิทยุสั่งการไล่ล่าติดตามจับกุมคนร้ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและจะสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว โดยทาง พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 ได้ชื่นชมตำรวจ สภ.เมือง ที่ดำเนินการในโครงการนี้เป็นผลสำเร็จ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเสาไฟอัจฉริยะในจุดพอื่น ๆ ที่เหมาะสมต่อไป ในขณะเดียวกันจะขยายผลให้ทางผู้บังตับการตำรวจภูธรของทุกจังหวะดในภาค 8 นำไปต่อยอดดำเนินการให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด นอกจากสามารถลดภาระและความยากลำบากในการสืบสวนสอบสวนติดตามคนร้ายแล้ว ยังจะช่วยในการป้องกันเหตุรวมทั้งการเพิ่มโอกาสในติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย.