วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:37 น.

ภูมิภาค

กบร้องก้องกาฬสินธุ์ ส่งเสริมชาวบ้านเลี้ยงกบเนื้อสร้างรายได้ช่วงหน้าแล้ง

วันศุกร์ ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565, 10.03 น.
ที่หอประชุมอำเภอสหัสขันธ์  นางสาวแววตา  นระทัด  นายอำเภอสหัสขันธ์  ร่วมมอบพันธุ์กบเนื้อและหัวอาหารสำหรับกบ ให้กับเกษตรกร  โดยนายวุฒิชัย  วังคะฮาต ประมงจังหวัดกาฬสินธุ์  มอบหมายให้นางสาวกฤษณา  เขามีทอง  ประมงอำเภอสหัสขันธ์  เป็นผู้แทนในการส่งมอบพันธุ์กบให้กับเกษตรกร 100 ราย จำนวนพันธุ์กบ 10,000 ตัว พร้อมหัวอาหารสำหรับกบ 100 กระสอบ  โดยมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจาก 8 ตำบล เดินทางมารับกบภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 อย่างเคร่งครัด
 
นายวุฒิชัย  วังคะฮาต  ประมงจังหวัดกาฬสินธุ์  กล่าวว่า  ภายใต้นโยบายการสร้างความมั่นคงทางอาหารและเสริมสร้างอาชีพให้กับประชาชน  ในช่วงเข้าสู่หน้าแล้งประชาชนในหลายพื้นที่จำเป็นต้องหยุดหรืองดการทำเกษตรทุกประเภทด้วยอากาศร้อนอบอ้าว น้ำน้อย  โดยทางสำนักงานประมงจังหวัดกาฬสินธุ์  ได้ลงสำรวจพื้นที่และเร่งสำรวจความต้องการของประชาชนเพื่อหาชีพสร้างรายได้ และเป็นแหล่งอาหารในครัวเรือนที่จะตอบโจทย์กับพื้นที่มากที่สุด  จนสรุปออกมาคือการเลี้ยงกบพันธุ์เนื้อ  ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงครึ่งบกครึ่งน้ำใช้น้ำน้อย ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงเรือน  เลี้ยงง่ายโตเร็ว กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดราคาสูง จึงได้จัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  โดยได้เสนอในโครงการกบร้องก้องกาฬสินธุ์ กระจายในพื้นที่ 18 อำเภอ เกษตรกร 1,800 ราย พันธุ์กบเนื้อ 180,000 ตัว
 
“กบเนื้อ  กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเลี้ยงง่าย โตเร็ว ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 60-90 วัน ก็สามารถรับประทานหรือจับจำหน่ายส่งตลาดได้  สำหรับกบ เป็นสัตว์เลี้ยงใช้น้ำน้อย  สามารถบูรณาการเลี้ยงกบในพื้นที่โครงการโคกหนองนา เป็นการต่อยอดเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน ชุมชน/หมู่บ้านของเกษตรกร  โดยเฉพาะช่วงนี้ราคากบเนื้อสูงถึง กก.ละ 80-120 บาท ต่อ กก. จากเดิมขายกันที่ กก.ละ 60-70 บาท  ซึ่งขนาด 3-4 ตัว ต่อ กก. จะเป็นที่ต้องการของตลาดมาก  ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากการเลี้ยงกบ  รวมถึงช่องทางในการแปรรูปกบ  เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดกบ

หน้าแรก » ภูมิภาค