ภูมิภาค
ประมงแปดริ้ว เผยพบแล้วฟาร์มทิ้งหัวจระเข้ในถังขยะ วอนอย่าสร้างความแตกตื่น
วันพุธ ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565, 20.36 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันที่ 15 มิ.ย.65 เวลา 15.30 น. นายสุทธิวุฒิ แก่นทอง หัวหน้ากลุ่มงานบริหารจัดการด้านการประมง รักษาการประมง จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงกรณีมีชาวบ้านพบศีรษะจระเข้ในพื้นที่ ม.8 ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ถูกนำมาวางอยู่บนถังขยะว่า เป็นศีรษะจระเข้ที่มาจากฟาร์มเลี้ยง หลังจากได้ให้ทางประมง อ.บางคล้า ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีการซื้อขายซากมาจากฟาร์มในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงจุดที่พบ
โดยฟาร์มแห่งดังกล่าวมีการเพาะเลี้ยงจระเข้ไว้จำนวน 2-3 พันตัว จากเดิมในช่วงที่จระเข้มีราคาสูงนั้น มีการเพาะเลี้ยงไว้เป็นจำนวนมากถึงกว่า 6-7 พันตัว แต่หลังราคาจระเข้ตกต่ำลง จึงมีการเพาะเลี้ยงน้อยลง ซึ่งเดิมนั้นทางฟาร์มจะผ่าเอาหนังและตัดส่วนของศีรษะออก เพื่อเก็บไว้แยกขายให้แก่ผู้ที่นิยมนำไปใช้ประดับบ้าน หรือเป็นงานตั้งโชว์ตามรสนิยมของแต่ละบุคคล รวมถึงการสต๊าฟไว้ขายให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย
โดยจะมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาทต่อหัว แต่หลังจากราคาของจระเข้ตกต่ำลงมามาก ทางฟาร์มจึงทำการผ่าเก็บเอาไว้เฉพาะหนังเพียงอย่างเดียว และจะให้ทั้งเนื้อพร้อมด้วยศีรษะแก่ผู้ซื้อมาทั้งหมด เพื่อแสดงความชัดเจนและยืนยันต่อผู้บริโภคด้วยว่าเป็นเนื้อจระเข้ของแท้ จริงๆ และยังเป็นการสร้างจุดขายจากความเชื่อมั่นต่อผู้ซื้อด้วยว่าเป็นจระเข้แท้แน่นอน ถือเป็นการทำตลาดอย่างหนึ่งเพื่อต้องการให้คนหันมานิยมซื้อเนื้อจระเข้ไปบริโภคมากขึ้น
หลังจากเกิดเหตุการณ์ นำซากของส่วนหัวจระเข้มาทิ้งในถังขยะ ตามที่มีการเผยแพร่ภาพข่าวออกไปนั้น จึงได้ให้ทางประมงอำเภอเข้าไปทำความเข้าใจต่อทางฟาร์มที่จำหน่ายเนื้อจระเข้ พร้อมขอให้แนะนำต่อผู้ที่ซื้อ ถึงวิธีการกำจัดซากที่ต้องทำการฝังกลบทำลายอย่างถูกวิธี แม้ทางฟาร์มจะได้รับอนุญาตให้เพาะเลี้ยงและจำหน่าย หรือค้าสัตว์น้ำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายประมงแล้วก็ตาม แต่จะต้องทำการกำจัดซากอย่างถูกวิธีด้วย
เนื่องจากจระเข้ยังเป็นสัตว์ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ห้ามล่า ห้ามค้า และครอบครอง หากมีการครอบครองไม่ถูกต้องยังมีความผิดตามกฎหมาย รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของซากจระเข้ด้วย หากมีครอบครองไว้จะต้องมีใบต้นขั้วสำหรับรับรองถึงแหล่งที่มา ว่ามีการซื้อมาจากแหล่งที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และขอวอนฝากถึงประชาชนว่าอย่าสร้างความแตกตื่นต่อผู้คนในสังคม ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตาม นายสุทธิวุฒิ กล่าว
และกล่าวว่า สำหรับพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้นเดิมมีผู้เพาะเลี้ยงจระเข้เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะภายในฟาร์มเลี้ยงสุกร และฟาร์มเลี้ยงไก่ เพื่อเป็นผลพลอยได้จากซากสัตว์ที่ตายภายในฟาร์ม จนมีการเลี้ยงกันมากนับแสนตัวในอดีต แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงจำนวน 55,893 ตัวใน 63 ฟาร์ม จากผู้เลี้ยงรวม 62 ราย ที่หลังเหลืออยู่ทั่วทั้ง 11 อำเภอ ซึ่งส่วนใหญ่ฟาร์มผู้เลี้ยงจะหยุดเพาะเลี้ยงชั่วคราวจากภาวะราคาที่ตกต่ำมากกว่าครึ่ง
โดยเฉพาะเมื่อช่วงก่อนหน้านี้ เนื้อจระเข้ขนาดความยาว 2 เมตรเคยขายกันได้ตัวละ 3,000-5,000 บาท ปัจจุบันเหลือเพียงตัวละไม่เกิน 1,500 บาทเท่านั้น โดยจะเป็นส่วนของเนื้อและศีรษะเท่านั้น ส่วนหนังทางฟาร์มจะผ่าเก็บเอาไว้ฟอกส่งออกไปขายยังต่างประเทศ และเมื่อนำไปแล่ออกมาเป็นเนื้อจะได้ส่วนของเนื้อออกมาประมาณ 30 กก. หรือเฉลี่ยราคาของเนื้อจระเข้จะอยู่ที่ประมาณ 50 บาทต่อ กก. ซึ่งถูกกว่าราคาเนื้อสุกร และเนื้อไก่มาก หากซื้อจากฟาร์มที่ผ่าหนังออกแล้วขายทั้งตัว
และหลังราคาจระเข้ตกต่ำลงมาก ฟาร์มส่วนใหญ่มักจะนำไข่ของจระเข้ที่ออกมาไปบริโภคแทนไข่ไก่ด้วย โดยยังไม่มีความต้องการที่จะฟักตัวออกมา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาจระเข้ตกต่ำลงมานั้น เกิดจากสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ระบาด จนทำให้ไม่สามารถที่จะส่งเนื้อจระเข้ไปขายยังต่างประเทศได้ ทั้งจีน และยุโรป ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติภายในประเทศยังมีน้อยลงด้วย โดยเฉพาะชาวจีนที่นิยมบริโภคเนื้อจระเข้กันมาก แต่สำหรับคนไทยนั้นยังได้รับความนิยมบริโภคภายในประเทศน้อยมาก จึงทำให้ราคาตกต่ำเช่นในปัจจุบัน
ซึ่งเชื่อว่าหากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด 19 ดีขึ้น และมีนักท่องเที่ยวเข้ามา และการส่งออกจระเข้ได้เพิ่มมากขึ้น ทิศทางราคาจะดีขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้นถือเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงจระเข้มากอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศ ที่ประมาณ 5-6 รองจาก จ.นครปฐม สมุทรปราการ เพชรบูรณ์ ขณะพื้นที่การเพาะเลี้ยงมากที่สุดใน จ.ฉะเชิงเทรา คือที่ อ.บางคล้า ซึ่งในปัจจุบันยังมีจำนวนมากถึงประมาณ 30,644 ตัวจากฟาร์มเพาะเลี้ยงทั้งหมด 7 ฟาร์มที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน
ขณะที่พื้นที่ใน ต.สาวชะโงก นั้นปัจจุบันเหลือเพียง 1 ฟาร์มที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง โดยยังมีจระเข้อยู่ในฟาร์มจำนวน 1,395 ตัวจากเดิมที่เคยเพาะเลี้ยงประมาณ 6-7 พันตัว ส่วนจระเข้ที่พบตามแหล่งน้ำธรรมชาติและกัดคนงมกุ้งนั้น ไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะเป็นจระเข้ตามธรรมชาติที่ยังหลงเหลืออยู่ หรืออาจจะเป็นจระเข้ที่หลุดออกมาจากฟาร์มเลี้ยงในพื้นที่ แต่จากการตรวจสอบยอดจำนวนในฟาร์มเลี้ยงมีการายงานว่า ยังมีจำนวนจระเข้อยู่ครบตามจำนวนที่แจ้งไว้
ซึ่งทางกรมประมงได้มีการออกระเบียบใหม่ สำหรับการขออนุญาตเพาะเลี้ยงจระเข้ที่เข้มงวดมากขึ้นแล้วเมื่อประมาณกว่า 1 ปีที่ผ่านมา โดยก่อนที่จะอนุญาตฟาร์มเลี้ยงนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องลงไปตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานฟาร์มที่ต้องมีความแข็งแรง และมีระบบจัดการน้ำทิ้ง ผิดจากในอดีตที่หละหลวมไม่ได้เข้มงวดอย่างเช่นในปัจจุบัน จึงทำให้มีผู้เพาะเลี้ยงกันเป็นจำนวนมากในพื้นที่ ส่วนจระเข้ที่ถูกพบในพื้นที่ ต.สาวชะโงก นั้น เป็นจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทยทั้งหมด หลังจากที่ในปีนี้สามารถจับมาได้แล้วจำนวน 2 ตัว จากบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่ชาวบ้านถูกจระเข้กัด
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » ภูมิภาค
Top 5 ข่าวภูมิภาค
![]()
- รถบัสนักศึกษา รด.ชนเสาไฟหัวหินเจ็บ 8 30 ต.ค. 2568
- รวบหนุ่มขนยาบ้า 400,000 เม็ด 30 ต.ค. 2568
- สุพรรณบุรี “กฐินแบ่งปัน” แจกผักผลไม้มงคลแทนวัตถุมงคล สะท้อนแรงศรัทธาแห่งธรรมชาติ 30 ต.ค. 2568
- แห่ใช้คนละครึ่งร้านแทบแตก! เผยข้าวสารผงซักฟอกน้ำมันกาแฟไอเทมสุดฮิต 30 ต.ค. 2568
- “ช่างบิ๊ก” เสียดายปราสาทตาควายยืนยันเป็นของไทยฝากถึงนายกหาแนวทาง 30 ต.ค. 2568
ข่าวในหมวดภูมิภาค
![]()
ถวายความอาลัยแด่พระพันปีหลวง จ.อุทัยธานี แจกข้าวสารทำความดี 22:56 น.- สุพรรณบุรี สืบสานประเพณีแห่แม่พระทางสายน้ำวัฒนธรรมท้องถิ่นไทยญวน 20:24 น.
- หน่วยงานราชการภูเก็ต ประดับผ้าขาว–ดำ ลดธงครึ่งเสา แสดงความอาลัย พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 19:30 น.
- "ธรรมนัส" ลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกรหลังอุทกภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ 19:25 น.
- สาวอุบลฯ ทำข้าวเม่าขาย สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน 19:15 น.


