บรรยากาศการเตรียมพร้อมงานประเพณีไหลเรือไฟ ประจำปี 2565 บุญออกพรรษาของจังหวัดนครพนม โดยตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ได้มีบรรดาเหล่าศิลปินเรือไฟจากพื้นที่ 12 อำเภอ ระดมตัวแทนชาวบ้านนำอุปกรณ์มาต่อเติม สรรค์สร้างเรือไฟ เพื่อเตรียมพร้อมงานประกวดไหลเรือไฟ ในคืนออกพรรษา วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 โดยปีนี้กำหนดจัดระหว่างวันที่ 1-11 ตุลาคม 2565 ซึ่งถือว่าจัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี

โดยปีที่ผ่านๆมาจัดแค่ 9 วัน 9 คืน แต่ด้วยปีนี้ดูจากปฏิทินของเดือนตุลาคม 65 พบว่า วันที่ 1และ 2 ตค. ตรงกับวันเสาร์ อาทิตย์ ทางคณะกรรมการเห็นพ้องว่าจังหวัดนครพนม เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีผู้คนหลั่งไหลมาพักผ่อนจำนวนมาก รายได้ส่วนหนึ่งได้จากการท่องเที่ยว ถือเป็นสร้างเม็ดเงินให้เศรษฐกิจของจังหวัดเพิ่มขึ้น จึงควรเพิ่ม 2 วันดังกล่าวเป็นงานประเพณีไหลเรือไฟ รวม 11 วัน 11 คืน
 

คืนไฮไลท์คือวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ตรงกับวันออกพรรษาขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 มีการประกวดไหลเรือไฟคือ เพื่อเป็นการกระตุ้น เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวให้ฟื้นตัว หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ทางจังหวัดนครพนม ได้จัดเตรียมสร้างเรือไฟอย่างยิ่งใหญ่มากกว่า 12 ลำ ขนาดความยาวตั้งแต่ 50-60 เมตร ความสูงราว 20 -30 เมตร หรือเทียบกับตึกที่สูง 6-9 ชั้น ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟ ไม่ต่ำกว่าลำละ 20,000-30,000 ดวง ใช้งบประมาณก่อสร้างลำหนึ่งประมาณ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท เพื่อสร้างความตื่นตาให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว คาดว่าปีนี้จะมีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางมาท่องเที่ยว คึกคักมากกว่าทุกปี

ขณะเดียวกันทางด้าน หอการค้าจังหวัดนครพนม ได้ร่วมกับภาคเอกชน นำโดย นายธนพัต ฑีฆธนานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายดิเรก คำไพบูรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทประเสริฐผลรุ่งเรือง นครพนม จำกัด นายมงคล ตันสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหอการค้าไทย นายศราวุธ ศรีชมพู ผู้อำนายการภาคกรุงศรีออโต้ (ธ.กรุงศรีอยุธยา) รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ร่วมแถลงความพร้อม ในการสนับสนุนจัดงานประเพณีไหลเรือไฟ จัดกิจกรรม ส่งเสริม กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ร่วมกับ จังหวัดนครพนม อบจ.นครพนม และ เทศบาลเมืองนครพนม จัดกิจกรรมพาข้าวแลง ในคืนวันประกวดไหลเรือไฟ เพื่อจัดพื้นที่พิเศษให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้ร่วมกิจกรรมพาข้าวแลง พร้อมชื่นชมความสวยงามของเรือไฟแบบใกล้ชิด ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในครั้งนี้นายศราวุธ ศรีชมพู ผู้อำนายการภาคกรุงศรีออโต้ได้มอบเงินสนับสนุนการจัดงาน รวม 100,000 บาท

นายธนพัต ฑีฆธนานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับปีนี้การจัดงานประเพณีไหลเรือไฟจะเป็นปีที่มีการจัดยิ่งใหญ่ ภายใต้การสนับสนุนของ จ.นครพนม รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดมานานกว่า 2 ปี โดยมีการกำหนดจัดงาน รวมถึง 11 วัน ระหว่างวันที่ 1-11 ตุลาคม 2565 ในส่วนของหอการค้าจังหวัดนครพนม รวมถึงภาคเอกชน ได้สนับสนุนในการจัดกิจกรรมพาข้าวแลง(พาแลง) เพื่อเป็นการส่งเสริม กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

ในคืนประกวดเรือไฟ คือ วันที่ 10 ตุลาคม 2565 จะมีการจัดพาแลง 250 โต๊ะ จากเดิมที่เคยจัดอยู่ที่ลานตะวันเบิกฟ้า บริเวณบ้านพักผู้พิพากษา ถนนสุนทรวิจิตร ซึ่งมองดูแล้วว่าคับแคบไปหน่อย จึงมีความเห็นให้ย้ายมาจัดกิจกรรม ณ ลานรับลมชมตะวัน ถนนสุนทรวิจิตร ใกล้กับลานพญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คชื่อดังของจังหวัด ซึ่งมีความกว้างขวางไม่แออัด พร้อมจัดการแสดง ชุดพิเศษได้แก่ กำเนิดเรือไฟ คอนเสิร์ตจากวง "Musketeers" เจ้าของเพลงฮิต "ของขวัญ" และ "แค่คุณ” สร้างความสุขควบคู่ไปด้วย และการจัดพลุโชว์สุดอลังการ

โดยการจัดงานไหลเรือไฟปีนี้ นอกจากประชาชน นักท่องเที่ยว ที่มาเยือนนครพนม จะได้ชื่นชมความตระการตาของเรือไฟ ที่สร้างจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของพี่น้องประชาชนทั้ง 12 อำเภอแล้ว ประชาชน นักท่องเที่ยว ยังจะได้ชมความสวยงามตลอดริมฝั่งน้ำโขงของเมือง 3 ที่สุด คือ 1.ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดพระธาตุพนม 2.สวยงามที่สุดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 และ 3.งามที่สุดทิวทัศน์ริมฝั่งโขง อีกทั้งตลอดแนวริมฝั่งโขงยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงเส้นทางจักรยานยนต์ และถนนสวรรค์ชายโขง ที่มีความสวยงามหนึ่งเดียวในไทย

ฝากเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว มาเที่ยวงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ประจำปี 2565 เชื่อว่าจะไม่ผิดหวังกับความสวยงามจากธรรมชาติที่บรรจงสร้างสรรค์อย่างลงตัว รวมถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาว จ.นครพนม ทางภาคเอกชนมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดจองโต๊ะได้แล้ว ที่ หอการค้าจังหวัดนครพนม โทร. 088-760-4462 หรือทางไลน์ ID LINE : nkpchamber

คำว่า “พาข้าวแลง หรือ พาแลง” เป็นภาษาอีสานแปลว่าอาหารมื้อเย็น โดย ‘พา’ หมายถึง ‘พาข้าว’ เป็นโต๊ะเตี้ยทำจากไม้ไผ่สานอย่างประณีตคล้ายกันกับขันโตกของชาวเหนือ ส่วน ‘แลง’ แปลว่า ‘เวลาเย็น’ หรือพลบค่ำ พาแลงจึงหมายถึงสำรับอาหารมื้อเย็นของชาวอีสาน ถือเป็นมื้อเย็นที่นิยมจัดขึ้นในวาระมงคล อาทิ งานแต่งงาน พิธีรับขวัญ หรือต้อนรับแขกผู้ใหญ่ เป็นต้น