วันอังคาร ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 01:43 น.

ภูมิภาค

เปิดตำนาน 2 ถ้ำ "ภูเขาขาม" สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงาม ที่ จ.อำนาจเจริญ

วันพฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2565, 12.59 น.
ภูเขาขาม เป็นเทือกเขาไม่สูงมากนัก ตั้งอยู่บ้านดงเจริญ ต.สร้างนกทา อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ มีต้นมะขามขนาดใหญ่ ขึ้นอยู่กลางหน้าผาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้กัน ยังมีถ้ำ ซึ่งคนโบราณเล่าว่า เป็นที่อยู่ของฤษีนานมาแล้ว และภูเขาขามมีพื้นที่ลาดเอียงไปทางทิศตะวันออก มีถ้ำเกิดจากเพิงหินหลานแห่ง ในจำนวนนี้ มีอยู่ 2 ถ้ำ คือ ถ้ำพระใหญ่(ถ้ำแสงเพชร)และถ้ำพระน้อย(ถ้ำโคนอน) ซึ่งถ้ำพระใหญ่มีความลึกและยาวมากจนทะลุภูเขาไปอีกด้านหนึ่ง  เข้าใจกันว่า จะไปทะลุออกทางด้านถ้ำขาม เป็นที่อาศัยของฤษี 
ถ้ำพระใหญ่ หรือ ถ้ำแสงเพชร ในสมัยก่อนปากถ้ำกว้างเพียง 1 เมตรเท่านั้น มีพระพุทธรูปและเบญจวัคคี  ที่ชำรุดตั้งอยู่  มองดูแล้วไม่ถูกพุทธลักษณะ แม้จะปั้นด้วยปูนก็ตาม เข้าใจว่า ผู้ปั้นยังไม่ชำนาญ แต่คงปั้นด้วยแรงศรัทธา ต่อมา ผู้มีจิตศรัทธา ได้บริจาคทุนซ่อมสร้างขึ้นมาใหม่ ทั้งพระประธานและเบญจวัคคี 
 
 
เหตุผลที่ชาวบ้านเรียกถ้ำพระใหญ่เป็นถ้ำแสงเพชร เพราะว่า มีเรื่องเล่ากันว่า ในอดีตกษัตริย์ขอมและพระมเหสี หนีจากการรุกรานจากประเทศลาวมาหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ โดยนำเอาแก้วแหวนเงินทองจำนวนมากมาด้วย แต่ไม่นานก็สิ้นพระชนม์เพราะไข้ป่า ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปเอาทรัพย์สิน เพราะมีสิ่งลี้ลับคอยเฝ้ารักษา เคยมีพระธุดงค์เข้าไปนั่งสมาธิบำเพ็ญภาวนาแล้วเกิดความโลภอยากได้สมบัติ ปรากฏว่า เหมือนมีคนมาเขย่าถ้ำ คล้ายจะพังลงมา ทำให้ต้องเผ่นหนีเตลิดไป 
 
 
จากถ้ำพระใหญ่ไปอีก 50 เมตร จะพบถ้ำที่พำนักของฤษีในอดีต ซึ่งปัจจุบันพบเพียงรูปปั้นนั่งอยู่ภายในถ้ำที่มีความลึก 20 เมตร ถัดไปก็จะเป็นถ้ำงู ที่มีความลึกมาก มีร่องรอยของซากงูมีให้ดูมากมาย ผ่านไปอีก 200 เมตร จะเป็นถ้ำค้างคาว ปากถ้ำกว้าง 60 เมตร อบอวนไปด้วยกลิ่นมูลค้างคาว หากใช้ไฟส่องดู จะพบกับค้างคาวเกาะบนผนังเพดานถ้ำเต็มไปหมด หากเดินรัดเลาะผ่านต้นไม้ที่เขียวขจี มีเถาวัลย์พันเต็มไปหมดตลอดทาง 700 เมตร จะพบ ถ้ำพระน้อย หรือ ถ้ำโคนอน โดยมีรูปปั้นโคนอนอยู่ปากถ้ำ  ชาวบ้านเล่าว่า  สมัยก่อนเป็นที่พักของโคป่าจำนวนมาก จึงได้ร่วมกันปั้นรูปโคไว้ที่ปากถ้ำ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ 
 
 
ถ้ำโคนอนอยู่ล่างสุดจากยอดภูเขาขามลงมา ถ้าต้องการชมทัศนียภาพบนภูเขาขามและกราบนมัสการหุ่นขี้ผึ้ง หลวงพ่อชา (พระโพธิญาณเถระ) ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายใน เจดีย์ศรีโพธิญาณ และชมมหาวิหาร(ศาลาพันห้อง) โดยรถยนต์จะมีทางลาดยางขึ้นไปอย่างสะดวก 2 กิโลเมตร บนยอดเขา จะพบเจดีย์ ซึ่งสร้างตามแบบเจดีย์หนองแค จ.สระบุรี มีรูปทรงคล้ายกับเจดีย์ที่นครปฐมบางส่วน ฐานวัดโดยรอบได้ 26 เมตร สูง 26 เมตร มีซุ้มประตู 4 ด้าน ภายในมีหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อชานั่งอยู่ และภาพวาดกิจวัตรของหลวงพ่อชาขณะมีชีวิตอยู่บนฝาผนังอย่างสวยงาม 
 
 
ต่อมาก็จะพบเห็น พระพุทธไสยาสน์ ทอดยาวขนานกับมหาวิหารบนลานหินที่สวยงาม มีความยาว 19 เมตร บุด้วยกระเบื้องโมเสกสีขาวทั้งองค์ พระนามว่า พระพุทธโพธิญาณภัทรมหาราช ใกล้กันเป็นที่ตั้งมหาวิหาร หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า ศาลาพันห้อง อยู่บนเนินหิน กว้าง 28 เมตร ยาว 60 เมตร เนื้อที่ 1,780 ตารางวา เสาและพื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาบุกระเบื้อง พื้นที่ชั้นล่างเป็นแท้งก์เก็บน้ำฝน เพื่อใช้ในฤดูแล้งอย่างเพียงพอ 
 
สำหรับ มหาวิหาร ใช้เวลาก่อสร้างนาน 1 ปี 8 เดือน 12 วัน และสำเร็จลุล่วงเรียบร้อย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2515 โดยมีพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานจำนวนมาก จึงถือเอาวันดังกล่าวจัดงานประจำปีทุกปี

หน้าแรก » ภูมิภาค