เมื่อเวลาประมาณ  15.30 น.วันที่ 29 ต.ค. ที่สี่แยกไฟแดง หัวถนนศาลามีชัย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีนายสมรัก อายุ 32 ปี อยู่ ต.วังหิน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช อ้างว่าถูกข่มขู่ คุกคาม ทำลายทรัพย์สิน จากแก๊งวัยรุ่นยาเสพติดในพื้นที่ที่กล่าวหาว่านายสมรัก เป็นสายให้ตำรวจจึงหาทางกลั่นแกล้งมาตลอด เคยถูกดักทำร้ายร่างกาย ถูกทุบตีรถยนต์จนเสียหาย หลบหนีมาขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

 

โดยในครั้งนั้นพล.ต.ต.สมชาย ได้ดำเนินการสอบสวนและเคลียร์ปัญหาจนยุติและให้ตำรวจขับรถไปส่งนายสมรัก และลูกทั้งสองคนกลับไปอาศัยที่บ้านตามปกติ แต่หลังจากนั้นวัยรุ่นฝ่ายตรงข้ามก็ยอมยุติปัญหา ยังมีพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม ทำร้าย ทำลายทรัพย์สิน จนหวาดกลัวไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จนตัดสินใจหอบลูก 2 คนผู้หญิงอายุ 8 ขวบ และ 2 ขวบ มาร้องเรียนขอความช่วยเหลือกลางสี่แยกไปแดง หัวถนนศาลามีชัย ในช่วงเย็นของวันนี้ (29 ต.ค.)

 

ต่อมานายอำพล สังข์ทอง ที่ปรึกษานายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำศูนย์ปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าตำรวจ สภ.เมือง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมือง ได้ร่วมกันเกลี้ยกล่อมและสอบถามรายละเอียดเก็บข้อมูลรายงานผู้บังคับบัญชา จนต่อมา พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ประสานงานทางนายไพฑูรย์ อินทศิลา สื่ออาวุโส เพื่อให้ช่วยเหลือเกลี้ยกล่อมให้เลิกประท้วงเพราะหวั่นจะเกิดอันตรายกับลูก 2 คน จากรถที่ผ่านสี่แยกพลุกพล่าน จนนายสมรัก ยินยอมยุติการประท้วงและเข้ามานั่งพักในป้อมยามตำรวจหัวถนนศาลามีชัย  และ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ให้เจ้าหน้าที่และนายไพฑูรย์ ช่วยนำนายสมรัก และลูก 2 คนไปดูแลชั่วราว เพื่อท่านผู้การ ฯ ซึ่งติดภาระกิจสำคัญในต่างอำเภอ จะเดินทางมาพบสอบสวนรายละเอียดและหาทางแก้ไขปัญหาอย่างถาวรต่อไป .