น้องชายยายวัย 76 ปี ออกมายืนยันพี่สาวเป็นคนเซ็นเอกสารกู้เงินจริง รวมถึงอดีตผู้ใหญ่บ้านรุ่นพี่มาเซ็นเป็นพยาน ไม่เคยคิดโกงพี่สาวระบุเป็นคนใช้หนี้แทนต่างหาก ขณะอดีตผู้ใหญ่บ้านรุ่นพี่ที่ปรากฎชื่อเป็นพยานในสัญญาเงินกู้ออกมาชี้ “ไม่เคยเซ็น” ชี้ไปถามด้วยตนเอง เจ้าตัวยอมรับแล้วว่า “ทำขึ้นเอง”

วันที่ 23 พ.ค.66 กรณีนางทองพูน  ชื่นพงศ์ษา อายุ 76 ปี บ้านเลขที่ 73 ม.10 บ้านสำโรงน้อย ต.วังเหนือ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อว่า ถูกน้องชายแท้ๆ อดีตเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านมาก่อน ครอบครองเอาที่ดิน สค.1 ของตัวเองจำนวน 10 ไร่ ที่พ่อแม่แบ่งให้เป็นมรดก แล้วยึดเอาไป อ้างใช้หนี้แทนพี่สาวจำนวนเงิน 60,000 บาท เลยยึดเอาที่ดินของพี่สาวเป็นค่าตอบแทน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างรู้กันดี ว่าที่ดินดังกล่าวจำนวน 10 ไร่ เป็นของนางทองพูน ที่พ่อแม่ยกให้ ส่วนพี่น้องอีก 3 คน พ่อแม่ได้แบ่งที่ดินให้ไปแล้ว ส่วนใหญ่เอาไปขายหมด ชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ต่างเห็นใจนางทองพูน เพราะไม่มีที่ดินทำกิน ทั้งยังต้องเลี้ยงหลานในวัยเด็กอีก 4 คน ต่างเอาข้าวสารอาหารแห้ง มาแบ่งปันบ้าง

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามนายสัมพันธ์ คงเจริญสุข อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 25 ม.4 บ้านกะหาด ต.วังเหนือ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ อดีตผู้ใหญ่บ้าน และเป็นน้องชายนางทองพูน ที่ถูกยึดที่ดิน

โดยนายสัมพันธ์ กล่าวว่า พี่สาวออกจากบ้านไปหลายสิบปี ครั้งตอนที่พ่อแม่มีชีวิตอยู่ ได้ย้อนกลับมาบ้าน มาขอให้พ่อแม่กู้เงินให้และเดินทางมาเอาอีกหลายครั้งสุดท้ายต้องไปกู้เงินจากนายทุน จนกระทั่งนายทุนมาแจ้งว่าจะยึดที่ดิน ตนจึงหาเงินจำนวน 60,000 บาท ไปไถ่ที่นามาให้ แต่จะมาเอาคืนเลยไม่ได้ จะต้องเอาเงินมาไถ่คืนเช่นเดียวกัน

นายสัมพันธ์ ยังกล่าวด้วยว่า หลักฐานที่มีการกู้ยืมเงินยังอยู่ มีผู้ใหญ่บ้านรุ่นพี่ของตนมาเซ็นเป็นพยานในการกู้ยืมเงินด้วยเมื่อปี 2530 ตนไม่เคยโกงพี่น้อง

ด้านนายเย็น วงศ์เมือง อายุ 83 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านรุ่นพี่นายสัมพันธ์ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีนี้ว่า หลังจากสองพี่น้องมีเรื่องกัน จนกระทั่งมารู้ว่าตนมีชื่อเป็นคนเซ็นเป็นพยานการกู้ยืมเงิน ตนตกใจ เพราะไม่เคยเซ็นเอกสารดังกล่าวตามคำกล่าวอ้างของผู้ใหญ่สัมพันธ์ ถึงขั้นเดินทางไปถามถึงบ้านนายสัมพันธ์ สุดท้ายยอมรับว่าเอกสารทั้งหมดทำขึ้นมาเอง ให้สั่งสอนนายสัมพันธ์ ไปว่าแบบนี้ผิดกฎหมายนะ โดยนายสัมพันธ์ เงียบไม่พูดต่อ