วันอาทิตย์ ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568 16:34 น.

ภูมิภาค

กู้ภัยไล่เองมูลนิธิเถื่อนตระเวนเรี่ยไร พบเคยถูกจับคดีเดียวัน

วันอาทิตย์ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 14.21 น.

หน่วยกู้ภัยฯ บุรีรัมย์เห็นคาตา 3 หนุ่มมูลนิธิเถื่อนเปิดเครื่องเสียงขับรถประกาศรับบริจาคให้ผู้ยากไร้ ขับไล่บี้ขวางเรียกตำรวจมาควบคุมตัว พบประวัติเคยถูกจับมาแล้วคดีเรี่ยไร แต่ไม่เข็ดคาดได้เงินเป็นกอบเป็นกำ


วันที่ 18 มิ.ย.66 หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม นำคลิปขณะไล่กวดและจอดรถขวางรถกระบะต้องสงสัยเป็นมูลนิธิปลอม มาร้องสื่อและให้เป็นหลักฐานของตำรวจ หลังจากพบโดยบังเอิญ มีชาย 3 คน ขับรถกระบะมีหลังคาด้านหลัง เปิดเครื่องกระจายเสียง ประกาศขอบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้

 


โดยในคลิป หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม บุรีรัมย์ ได้ใช้คำพูดที่รุนแรง ว่าไปซ้ำเติมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอยู่แล้ว ยังมาตามรีดไถประชาชน โดยเฉพาะคนภาคอีสานจะมีใจโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือคน


ซึ่งมูลนิธิต้องสงสัยเป็นมูลนิธิเถื่อน ได้พยายามอธิบายว่า ได้ขออนุญาตมาอย่างถูกต้อง ทั้งผู้นำท้องถิ่น และขออนุญาตอำเภอห้วยราชอย่างถูกต้อง แต่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม ไม่เชื่อเพราะได้รับการร้องเรียนมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นกับตา


ต่อมา ร.ต.อ พงศ์ศักดิ์ จงปัตนา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ห้วยราช อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้เชิญตัวนายเดชา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี อยู่ในพื้นที่ ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน พร้อมพวกอีก 2 คน มาสอบถาม

 


ตรวจสอบหลักฐานพบว่า พบว่ามีใบประกาศระบุมาจากมูลนิธิพิทักษ์คุณธรรม อยู่เลขที่ 28/24 ซอยประชาอุทิศ 54 แยก 2-4 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ และยังพบใบรับทราบจากที่ว่าการอำเภอห้วยราช ระบุจะมาขออนุญาตเรี่ยไรตั้งแต่วันที่ 15-25 มิ.ย.


จากนั้น จนท.ได้สอบถามปลัดอาวุโส อำเภอห้วยราช ได้รับคำตอบว่า เอกสารที่ได้ไปเป็นเพียงเอกสารรับทราบ ยังไม่ได้ออกใบอนุญาตให้เรี่ยไรแต่อย่างใด ซึ่งปกติผู้ที่มายื่นขอเรี่ยไร จะต้องกลับมาเอาใบอนุญาตอีกในวันถัดไป ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว หนึ่งในสามคนนี้เคยถูกดำเนินคดีเรี่ยไรมาแล้ว ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ผิด พรบ.การเรี่ยไรโดยไม่ได้ข้ออนุญาต ขณะอำเภอห้วยราช งดการให้ใบอนุญาตเรี่ยไรในทันที

 


ทั้งนี้จากข้อมูลของหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม บุรีรัมย์ พบว่ามีประชาชนร้องเรียนมาหลายครั้งว่ามีมูลนิธิที่ไม่เคยรู้จัก มาเรี่ยไรตามหมู่บ้านหลายครั้ง และอยากให้หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมตรวจสอบ จนกระทั่งมาเจอขณะกำลังเรี่ยไร


สอบถามนายวัลลภ เรืองสุขศรีวงศ์ อดีตประธานมูลนิธิสว่างจรรยาธรรม ทราบว่าปกติมูลนิธิต่างๆที่มีจุดประสงค์จะช่วยเหลือประชาชนหรือผู้ยากไร้ จะมีประจำอยู่ในแต่ละพื้นที่อยู่แล้ว ประชาชนสามารถบริจาคโลงศพ หรืออื่นๆได้ในจังหวัดของตัวเอง ที่สำคัญไม่เคยไปเดินเรี่ยไรตามสถานที่ต่างๆแม้ในจังหวัดเดียวกัน จึงฝากไปถึงประชาชนทั่วไป หากต้องการทำบุญด้านนี้ บริจาคผ่านมูลนิธิในพื้นที่จะดีกว่า ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงจะไปห้ามไม่ให้บริจาค ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน

หน้าแรก » ภูมิภาค