วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 02:43 น.

ภูมิภาค

“กัน จอมพลัง” ตามคดีแม่ถูกลูกชาย-สะใภ้ ปลอมเป็นโจรปล้นทำร้ายปางตาย

วันจันทร์ ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ก.ค.66 กัน จอมพลัง พร้อมกับทนายโรส ได้เดินทางมาที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังนายธวัชชัย คำใส อายุ 31 ปี ได้ไปร้องขอให้ กัน จอมพลังช่วยติดตามในคดีที่นางมณีรัตน์ คำใส อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ ถูกน้องชาย คือนายวรายุทธ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี และนางละอองดาว (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี น้องสะใภ้ ได้ปลอมตัวเป็นโจรเข้าไปปล้นผู้เป็นแม่และทำร้ายแม่จนอาการสาหัส ส่วนทรัพย์สินที่ได้ไปมีทั้งเงินสด 3,000 บาท ทองคำ 3 สลึงและโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ซึ่งเหตุเกิดที่บ้านเช่าในหมู่ 17 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ทั้งน้องชายและน้องสะใภ้ ยังไม่ถูกจับดำเนินคดี

 


 

โดยเข้าพบกับ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงศ์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง สอบถามถึงความคืบหน้าในคดี ซึ่งเบื้องต้นก็ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและไปขออนุมัติหมายจับจากศาลราชบุรีแล้ว ในข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ ก่อนจะเข้าเยี่ยมนางมณีรัตน์ คำใส ซึ่งขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลบ้านโป่ง แต่อาการดีขึ้นตามลำดับ

 


 

ด้านกัน จอมพลัง ก็บอกว่า ได้รับการร้องขอจากลูกชายคนโตว่า น้องชายคนกลางร่วมกับน้องสะใภ้ปลอมเป็นโจรปล้นแม่ โดยเอาเชือกมัดมือ มัดขา และปิดตา เพื่อไม่ให้เห็น แต่แม่จำได้ โดยได้เงินสดไป 3,000 บาท ทอง 3 สลึง โทรศัพท์ 1 เครื่อง หลังจากนั้นนำสากกะเบือทุบหัว ทุบท้ายทอยเพื่อให้แม่สลบ แต่แม่ไม่สลบก็เลยทุบไม่ยั้ง ซึ่งเมื่อดูบาดแผลแล้วพบว่ามีแต่รอยช้ำ หลังจากนั้นก็ทิ้งแม่ไว้ แต่แม่กระเสือกกระสนออกมาให้คนช่วย โดยชาวบ้านมาช่วยนำส่งโรงพยาบาล และหลังจากที่ก่อเหตุลูกชายกับลูกสะใภ้ไปโผล่ที่โรงพยาบาล แล้วไปถามแม่ว่าใครทำแม่ แม่ก็เลยตอบว่า มึงนั่นแระที่ทำ ซึ่งแม่ได้แจ้งความไว้แล้ว แต่ลูกชายคนกลางซึ่งตอนแรกโพสต์เฟสบุ๊คว่า ใครทำแม่ พอเห็นว่าแม่แจ้งความ ก็ขึ้นเฟสด่าแม่อีก วันนี้จึงมาตามคดีให้ โดยประสานทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้ามาด้วยเพราะเป็นเรื่องในคอบครัว และขอให้ทาง ผกก.ช่วยเร่งรัดติดตามตัวเพราะคนเป็นแม่กลัวมากเนื่องจากลูกชายยังวนเวียนอยู่ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลต้องย้ายห้องหนีให้ ซึ่งที่แม่รอดมาได้เพราะร้องขอชีวิตไว้ และปกติลูกชายคนนี้ก็จะมาขอเงินแม่เป็นประจำ

 


 

ส่วนนายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) ลูกชายคนโต ก็บอกว่ามีเพื่อนแม่มาบอกว่าแม่ถูกทำร้ายอาการสาหัสอยู่โรงพยาบาล จึงได้รีบไปหาแม่ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตำรวจได้ถามแม่แล้วว่าใครเป็นคนทำ แม่บอกว่าเป็นคนร้ายสองคนไม่ได้บอกว่าเป็นน้องชายเพราะขณะนั้นน้องชายนั่งอยู่ข้างเตียง ทำให้ไม่กล้าพูด ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุถูกปิดตา แต่แม่จำเสื้อผ้า ลักษณะแล้วก็เสียงของน้องชายได้ และที่รู้ว่าใช้สากกะเบือทุบเนื่องจากมีการเยื้อแย่งกัน และตอนที่มีการใช้มีดจะแทง แม่ก็ยึดมีดได้และมีเสียงของน้องบอกว่าให้ปล่อย จึงทำให้รู้ว่าคนที่ก่อเหตุคือลูกชาย และลูกสะใภ้ ซึ่งแม่จะรักน้องชายมาก ให้ทุกอย่าง แต่ไม่คิดว่าน้องชายจะมาทำแม่ได้ และอยากให้ทางตำรวจขังตนเองกับน้องชายในห้องก่อนที่จะนำตัวไปดำเนินคดี
 

ด้านป้าส้ม (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเพื่อนของนางมณีรัตน์ (สงวนนามสกุล) ผู้บาดเจ็บ ก็บอกว่า จะไปตัดหน่อไม้ด้วยกัน แต่โทรมาแล้วไม่รับสาย จึงได้มาดูที่บ้านที่เกิดเหตุก็มาพบว่านางมณีรัตน์ นอนอยู่ในห้องเช่าและตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงได้ผลักประตู ซึ่งคล้องโซ่ไว้เข้าไป ก้พบว่าได้รับบาดเจ็บอยู่ และถูกมัดมือ มัดเท้าอยู่ จึงได้ไปเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย และเมื่อถามว่าใครทำก็ว่า ไอ้ปอนด์ ซึ่งเป็นลูกชายคนกลาง ทำ ซึ่งตอนที่เห็นสภาพตอนแรกนั้นถึงกับช็อคเลย

 


 

ส่วนนายจรูญ เจ้าของร้านอลูมีเนียม ที่อยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุและที่หน้าบ้านติดกล้องวงจรปิดไว้ ก็บอกว่าในวันเกิดเหตุมีคนมาเรียกให้ไปช่วยคนเจ็บไปเลยไป หลังจากนั้นก็มาดูกล้องวงจรปิดที่หน้าบ้านแต่ในช่วงนั้นกล้องน่าจะมีปัญหา แต่มาเห็นช่วงหลังที่มีลูกชายของคนเจ็บขี่รถจักรยานยนต์มากับแฟน มาสอบถามว่าเห็นทำร้ายแม่ตนเองไหม และกล้องวงจรปิดที่บ้านชัดไหม ซึ่งตนก็บอกไปตามความจริง ว่าช่วงนั้นมองไม่เห็น หลังจากนั้นลูกชายของคนเจ็บก็ไปจนมารู้ทีหลังว่าคนที่ทำร้ายคือลูกชายของคนเจ็บ

 


 

ต่อมาในเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับจากศาลของ จ.ราชบุรี ไปจับกุมตัวนายวรายุทธ (สงวนนามสกุล) และนางละอองดาว (สงวนนามสกุล) มาได้และนำมาสอบปากคำ ซึ่ง นายธวัชชัย (สงวนนามสกุล)  ผู้เป็นพี่ได้เข้าชกหน้าน้องชายจนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องกันตัวออกห่างเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำก่อน

หน้าแรก » ภูมิภาค