วันอาทิตย์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 12:32 น.

ภูมิภาค

วิ่งเลยราง! รฟท.เร่งกู้หัวรถจักรเอกชน หลังวิ่งเลยสถานีโหม่งสต๊อปเปอร์

วันพฤหัสบดี ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566, 14.42 น.

วันที่ 20 ก.ค.66 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงงานว่าที่บริเวณจุดตัดทางรถไฟ บนถนน อบจ. สาย ฉช.ถ 1-0002 ที่ได้รับการถ่ายโอนมาจากทางหลวงชนบทที่ ฉช.3014 (สาย รพช.เดิม) หรือถนนสายซันโย ใกล้กับสถานีรถไฟเปรง พื้นที่ ม.7 ต.คลองเปรง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยทีมกู้ภัยม้าเหล็กบางซื่อ ได้เร่งทำการเก็บกู้ซากหัวรถจักรของขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าภาคเอกชนรายหนึ่ง หมายเลขหัวรถ 70106 คันที่ 1

หลังได้เกิดอุบัติเหตุพุ่งเลยออกไปจากรางรถไฟ ที่มีแนวแผงกั้นด้านปลายทาง (สต๊อปเปอร์) ตั้งขวางไว้ โดยเป็นจุดเลยห่างออกมาจากตัวสถานีรถไฟเปรง มุ่งหน้ามายังสถานีหยุดรถคลองอุดมชลจรประมาณ 800 เมตร โดยที่ พขร.ได้ขับเลยมาไกลจนพุ่งชนเข้ากับป้อมควบคุมอาณัติสัญญาณ ที่ตั้งอยู่อีกด้านของถนนจุดตัดทางข้ามทางรถยนต์จนได้รับความเสียหายทั้งหลัง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา

จนทำให้หัวรถจักรมาจอดหยุดนิ่งสนิทติดอยู่กับซากของป้อมสัญญาณไฟและปิดกั้นขวางเส้นทางการสัญจรบนถนนสาย รพช.เดิมพอดี ทำให้ยานพาหนะทุกชนิดโดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปทำงานยามเช้าไม่สามารถเดินทางผ่านได้ ซึ่งหัวรถจักรดังกล่าวมีตราของบริษัทปูนซิเมนชื่อดังติดอยู่ที่ด้านข้าง ในขณะเกิดเหตุได้ลากขบวนรถที่มีถังซีเมนต์พร้อมตู้พักพนักงานมาด้วยรวมความยาวจำนวน 20 โบกี้

โดยที่ในถังซีเมนต์ที่ลากพ่วงมาด้วยนั้นเป็นถังเปล่า หลังจากที่ได้นำปูนซีเมนต์มาลงไว้ยังที่ศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณสถานีรถไฟเปรงก่อนหน้าแล้ว จึงได้ออกขบวนรถเข้ามายังในรางรถไฟของสถานีเพื่อสับเปลี่ยนทิศทางหัวจักรลากขบวน จนมาประสบอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น

 ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าสอบถามข้อมูลถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ต่อทางเจ้าหน้าที่ภายในสถานีรถไฟเปรง แต่ได้รับการปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยระบุว่าให้ไปสอบถามจากทางสารวัตรเดินรถยังที่หน้างาน ขณะชาวบ้านที่พบเห็นเชื่อว่าสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้น่าจะเกิดจากระบบเบรกห้ามล้อของหัวรถจักรเกิดการขัดข้อง หรืออาจมีการสับเปลี่ยนรางผิดก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามสำหรับการเดินรถสายตะวันออกนั้นยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากเส้นทางรถไฟสายนี้ในช่วงตอนกรุงเพทฯ-ฉะเชิงเทรา นั้น มีรางรถไฟแบบรางคู่บวกหนึ่ง หรือมีมากถึง 3 ราง ขณะที่หัวรถจักรที่พุ่งเลยรางออกไปนั้น เป็นเพียงรางที่ 4 ซึ่งเป็นรางสำหรับจอดพักรถหรือสับเปลี่ยนหัวขบวนเท่านั้น จากเดิมที่มีจุดสต๊อปเปอร์ขวางที่ด้านปลายของรางอยู่ที่ริมถนนสาย รพช.เดิมพอดี แต่ได้ถูกหัวขบวนรถจักรดังกล่าวพุ่งชนจนได้รับความเสียหายยับเยิน พร้อมกับรางที่ฉีกแยกออกจากกันเป็นทางยาว

หน้าแรก » ภูมิภาค