วันที่ 12 สิงหาคม 2566 ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม จากจุดตรวจวัดปริมาณชุมชนหนองแสง เทศบาลเมืองฯ อยู่ที่ระดับ 11.14 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่งแค่ 86 เซนติเมตร คือที่ 12 เมตร ถือว่าทรงตัวและมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี แต่ยังมีผลกระทบต่อลำน้ำสาขาสายหลัก ไหลระบายไม่ทัน เกิดจากน้ำโขงหนุน จึงต้องเฝ้าระวังไปอีกระยะ

เช่นเดียวกันกับลำห้วยบังกอ ที่รองรับน้ำในเขตพื้นที่ อ.เมืองนครพนม แล้วระบายลงน้ำโขงที่ประตูน้ำห้วยบังกอ ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม ขณะนี้มีปริมาณเกินความจุ ประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ เพราะไม่สามารถระบายลงน้ำโขงได้สะดวก ทางชลประทานนครพนม จึงต้องปิดประตูระบายทั้ง 8 บาน เพื่อไม่ให้น้ำโขงหนุนเข้ามา ซึ่งอาจทำให้มีน้ำท่วมขังในเขตเศรษฐกิจของตัวจังหวัด  

นายศาสตรา พรหมรักษ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครพนม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า หลังรองอธิบดีกรมชลประทาน สั่งการให้นำเครื่องสูบน้ำระบบไฮโดรโฟล (hydroflow) จำนวน 6 เครื่องมาประจำไว้ที่ประตูระบายน้ำทั้ง 4 แห่ง ประกอบไปด้วยลำห้วยลังกา อ.บ้านแพง 1 เครื่อง,ลำห้วยทวย อ.ท่าอุเทน 1 เครื่อง,ลำห้วยบังกอ อ.เมืองนครพนม 2 เครื่อง และห้วยบังฮวง อ. ธาตุพนม 2 เครื่อง ซึ่งขณะนี้ได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อย โดยมีผู้เชี่ยวชาญติดตั้งระบบ ใช้ท่อระบายน้ำขนาดความกว้าง 30 เซนติเมตร สูบระบายลงน้ำโขงแทน หลังน้ำโขงหนุน และป้องกันห้วยบังกอเอ่อล้นตลิ่ง ท่วมพื้นที่ลุ่ม และพื้นที่การเกษตร

นอกจากนี้ยังได้เร่งระบายลำน้ำสาขาสายหลักทุกแห่ง มี ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม เพื่อรับมือฝนตกหนัก หากพบว่าจุดไหนที่น้ำโขงหนุนไม่สามารถระบายได้ จะต้องปิดประตูน้ำเสริมเครื่องสูบน้ำช่วยระบายทันที โดยเครื่องระบบไฮโดรโฟล (hydroflow) พร้อมอุปกรณ์มีมูลค่ารวม 11 ล้านบาท ใช้งานติดต่อกัน โดยไม่ต้องหยุดเครื่องได้นานถึง 20 ชั่วโมง สามารถช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ ชุมชน และเกษตรกรให้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมน้อยที่สุด

ต่อมา นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม ได้เดินทางมาตรวจประตูระบายน้ำห้วยบังกอ พร้อมเปิดเผยว่า ถึงแม้ระดับน้ำโขงจะทรงตัวที่ระดับ 11 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่ง 1 เมตร คือที่ 12 เมตร แต่ยังเฝ้าระวังมวลน้ำมาจากภาคเหนือ พร้อมแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงติดชายแดนน้ำโขง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน ในส่วนของลำน้ำสาขาสายหลัก ล่าสุดได้รับผลกระทบจากแม่น้ำโขงหนุน เช่นเดียวกันกับลำน้ำบังกอ ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครพนม มีระดับระบายน้ำต่ำกว่าน้ำโขง และมีปริมาณน้ำเกินความจุเนื่องจากไม่สามารถระบายลงน้ำโขงได้ จึงได้ประสานทางชลประทานปิดประตูระบายน้ำ และขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 4 เครื่อง จากกรมชลประทาน มาติดตั้งสูบน้ำระบายลงน้ำโขง เพื่อรักษาระดับน้ำให้พอเหมาะ ป้องกันน้ำเอ่อท่วมล้นพื้นที่ลุ่ม รวมถึงพื้นที่การเกษตร พร้อมประเมินสถานการณ์น้ำ รักษาระดับน้ำในลำห้วยให้มีปริมาณที่เหมาะสม เพื่อใช้ในการเกษตรด้วยหากฝนทิ้งช่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า จากการตรวจสอบปริมาณฝนตกในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ทั้งฝั่ง สสป.ลาว และประเทศไทย พบว่า ปริมาณฝนลดลง ประกอบกับทางประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 66 เป็นต้นมาได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหงลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันระดับน้ำท้ายเขื่อนจิ่งหงลดลง 2.98 เมตร และเมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 น้ำโขงบางส่วนได้ไหลเข้าทางฝั่ง สปป.ลาว เนื่องจากพนังกั้นน้ำแตกบริเวณเขตบ้านห้อม เมืองนาซายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จ.หนองคาย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงอย่างต่อเนื่อง