วันที่ 11 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงงานว่า ได้เกิดเหตุระทึกขึ้นที่บริเวณภายในสถานีรถไฟร้าง หรือป้ายหยุดรถไฟบ้าน “คลองแขวงกลั่น” พื้นที่ ม.7 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากมีหนุ่มใหญ่วัย 55 ปี ถูกขบวนรถไฟขบวนที่ 849 แบบหัวลากดีเซลไฟฟ้ารุ่นอุลตร้าแมน หมายเลขหัวจักร 5227 ซึ่งเป็นขบวนบรรทุกสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์มาจำนวนมากกว่า 30 โบกี้ พุ่งเฉี่ยวชนจนร่างกระเด็นเข้าไปติดอยู่ภายในโพรงใต้ชานชาลาสถานีรถไฟ

ซึ่งมีสภาพคับแคบ โดยมีแนวปากโพรงกว้างเพียงประมาณ 30 ซม.เท่านั้น จึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพจาก รพ.พุทธโสธร และชาวบ้านเข้าไปช่วยเหลือด้วยความยากลำบาก โดยยังมีขบวนรถไฟจอดปิดที่ปากโพรงอยู่บนรางที่บริเวณตู้คอนเทรนเนอร์ที่ 3 หรือโบกี้ที่ 4 นับจากหัวรถจักร ท่ามกลางชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ กำลังพยายามที่จะเข้าไปให้การช่วยเหลืออยู่เป็นเวลานานถึงกว่า 40 นาที แต่ไม่สามารถที่จะนำอุปกรณ์เข้าไปให้การช่วยเหลือได้

เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถที่จะขยับตัวได้ โดยพบว่ามีบาดแผลแตกฉีกขาดที่บริเวณหน้าผากและมีเลือดอาบท่วมที่ใบหน้า ทั้งยังมีอาการกระดูกท่อนขาด้านซ้ายหัก 1 ข้าง สุดท้ายเจ้าหน้าที่รถไฟจึงได้ตัดสินใจที่จะค่อยๆเคลื่อนขบวนถอยรถไฟออกไปอย่างช้าๆ จนพ้นแนวปากโพรงที่ชายรายนี้ติดอยู่ภายใน จากนั้นได้ช่วยกันกะกุยก้อนหินขนาดใหญ่ ที่ รฟท.ใช้ในการปูรางออก เพื่อเปิดปากโพรงให้กว้างมากขึ้น ก่อนที่จะสอดแผ่นสไปนอลบอร์ดเข้าไปรองร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ออกมาจากภายในโพรงใต้ชานชาลาได้สำเร็จ ท่ามกลางความโล่งใจของชาวบ้าน

สอบถาม นายสมชาย มากสมบูรณ์ อายุ 56 ปี สามีของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 (นางสมโภขน์ อินถาวร) ทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายสมบูรณ์ ชะยันโต อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นคนที่มีภูมิลำเนาเกิดมาจากพื้นที่อื่น แต่ได้มามีภรรยาเป็นคนอยู่ในพื้นที่ ม.9 ต.บางเตย ซึ่งปกตินั้นประกอบอาชีพรับจ้าง แต่ไม่มีใครทราบว่า นายสมบูรณ์ เดินมายังที่สถานีรถไฟเพียงลำพังด้วยสาเหตุอะไร เนื่องจากปกติชาวบ้านไม่เคยพบเห็น นายสมบูรณ์ จะเดินมายังที่สถานีรถไฟแห่งนี้เพียงคนเดียวมาก่อน

โดยส่วนใหญ่เขาจะมาพร้อมกับภรรยา เนื่องจากเขาเป็นผู้ป่วยจิตเวช โดยหลังเกิดเหตุทางฝ่ายผู้เป็นภรรยา ได้เดินทางมายังในที่เกิดเหตุด้วย ก่อนที่จะขึ้นรถกู้ชีพเดินทางไปด้วยกันยังที่ รพ.พุทธโสธร พร้อมกันกับผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือคนเจ็บออกมาได้แล้ว ขบวนรถไฟที่ 849 ได้เคลื่อนขบวนเดินทางต่อไปยังที่ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นสถานีปลายทางต่อไป นายสมชาย ระบุ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่นแห่งนี้ ยังคงถูกจดจำฝังลึกอยู่ในใจของชาวบ้านมาโดยตลอดระยะเวลา 3 ปี หลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขบวนรถไฟพุ่งชนรถบัส หรือทัวร์กฐินจากพื้นที่ จ.สมุทรปราการ มุ่งหน้ามายังที่วัดบางปลานัก พื้นที่ ม.10 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ที่ขับขึ้นมาตัดหน้าขบวนรถไฟ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.63 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 18 ศพ และเสียชีวิตที่ รพ.1 ศพ อีกทั้งยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนั้นมากถึง 40 ราย แต่ถึงวันนี้ยังคงไม่มีเครื่องกั้นรางรถไฟถูกนำมาติดตั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซากตามที่ชาวบ้านร้องขอแต่อย่างใด